เจ้าของสุนัขหลายคนอาจต้องเสียเงินไปกับการพาสุนัขของตัวเองไปตัดแต่งขนที่ร้านดูแลสุนัขโดยเฉพาะ
แต่หลังจากนี้อาจไม่ต้องทำแบบนั้นอีกต่อไป เมื่อได้ศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับการดูแล
บำรุง และอาบน้ำให้สุนัขอย่างครบถ้วนจากวิธีดูแลขนสุนัขที่สุดแสนจะง่ายดายต่อไปนี้
และการันตีได้เลยว่าเจ้าของสุนัขสามารถทำตามได้ง่าย ๆ จ้า
1. แปรงขนกำจัดสิ่งสกปรก
เริ่มจากการแปรงขนสุนัข เพื่อกำจัดเส้นขนที่ตายแล้ว และจัดระเบียบให้ขนสุนัขเสียก่อน พร้อมกับตัดขนที่จับกันเป็นก้อนออกไป โดยแปรงขนให้ครบทุกส่วนตั้งหัวจรดหาง ทั้งสุนัขพันธุ์ขนสั้นและขนยาว แต่อาจต้องเลือกแปรงที่มีเส้นขนนุ่มสักหน่อย สำหรับสุนัขที่มีขนบาง ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ ควรแปรงขนสุนัขอย่างเบามือ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดบาดแผลบนผิวหนังของสุนัข
2. พูดเพราะ ๆ เพื่อให้สุนัขวางใจ
หลังจากแปรงขนเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาอาบน้ำ แต่ก่อนถึงขั้นนั้นควรจะพูดเพราะ ๆ กับสุนัขเสียก่อน เพื่อให้สร้างความสุขให้กับสุนัข และทำให้สุนัขเชื่อใจว่าคุณไม่ได้ต้องการจะทำให้โกรธ หรือทำร้ายสุนัขแต่อย่างใด ซึ่งถ้าหากข้ามขั้นตอนนี้ไปก็อาจจะทำให้สุนัขวิ่งหนี หาที่หลบซ่อนตัว หรือแสดงอารมณ์รุนแรงออกมาขณะที่กำลังจับสุนัขอาบน้ำได้
3. อาบน้ำชำระสิ่งสกปรก
สุนัขจะรู้สึกสบายตัวกว่าหากอาบน้ำโดยใช้สายชำระค่อย ๆ รดไปที่ลำตัว แทนที่จะใช้น้ำจากก๊อกน้ำอาบน้ำให้สุนัขโดยตรง สำหรับแชมพูที่นำมาใช้ก็ควรเป็นแชมพูสำหรับสุนัข เด็ก หรือผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ และในขณะที่กำลังสระด้วยแชมพูก็ควรปิดน้ำให้สนิท เพราะการเปิดน้ำตลอดจะทำให้สุนัขเกิดความเครียดได้ อีกทั้งควรระมัดระวังไม่ให้น้ำหรือฟองสบู่เข้าปาก หู จมูก ตา และก้นด้วย
ส่วนหลังจากที่อาบน้ำบริเวณลำตัวเรียบร้อยแล้ว ให้ใช้ผ้าอุ่นทำความสะอาดรอบดวงตาและใบหู พร้อม ๆ กับกำจัดคราวสกปรกทั้ง 2 บริเวณออกไป ควรนำผ้าขนหนูผืนใหญ่มาซับน้ำออกจากขนของสุนัขให้ได้มากที่สุดด้วย
4. ใช้กรรไกรพิเศษสำหรับตัดแต่งขนสุนัขโดยเฉพาะ
หากไม่มีประสบการณ์ก็ไม่ควรใช้กรรไกรทั่วไปในการตัดแต่งขนสุนัข แต่ควรใช้กรรไกรที่ออกแบบมาเพื่อการนี้จะดีกว่า หรือถ้าไม่สามารถหากรรไกรสำหรับตัดแต่งขนสุนัขได้โดยตรง ให้นำใบมีดคม ๆ มาใช้แทนก็ได้ โดยใช้เฉพาะมุมใบมีดตัดแต่งขนสุนัขก็พอ และควรระมัดระวังเป็นพิเศษ เมื่อตัดแต่งขนสุนัขบริเวณดวงตา หน้าท้อง ก้น อุ้งเท้า และบริเวณที่มีผิวบอบบาง
1. แปรงขนกำจัดสิ่งสกปรก
เริ่มจากการแปรงขนสุนัข เพื่อกำจัดเส้นขนที่ตายแล้ว และจัดระเบียบให้ขนสุนัขเสียก่อน พร้อมกับตัดขนที่จับกันเป็นก้อนออกไป โดยแปรงขนให้ครบทุกส่วนตั้งหัวจรดหาง ทั้งสุนัขพันธุ์ขนสั้นและขนยาว แต่อาจต้องเลือกแปรงที่มีเส้นขนนุ่มสักหน่อย สำหรับสุนัขที่มีขนบาง ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ ควรแปรงขนสุนัขอย่างเบามือ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดบาดแผลบนผิวหนังของสุนัข
2. พูดเพราะ ๆ เพื่อให้สุนัขวางใจ
หลังจากแปรงขนเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาอาบน้ำ แต่ก่อนถึงขั้นนั้นควรจะพูดเพราะ ๆ กับสุนัขเสียก่อน เพื่อให้สร้างความสุขให้กับสุนัข และทำให้สุนัขเชื่อใจว่าคุณไม่ได้ต้องการจะทำให้โกรธ หรือทำร้ายสุนัขแต่อย่างใด ซึ่งถ้าหากข้ามขั้นตอนนี้ไปก็อาจจะทำให้สุนัขวิ่งหนี หาที่หลบซ่อนตัว หรือแสดงอารมณ์รุนแรงออกมาขณะที่กำลังจับสุนัขอาบน้ำได้
3. อาบน้ำชำระสิ่งสกปรก
สุนัขจะรู้สึกสบายตัวกว่าหากอาบน้ำโดยใช้สายชำระค่อย ๆ รดไปที่ลำตัว แทนที่จะใช้น้ำจากก๊อกน้ำอาบน้ำให้สุนัขโดยตรง สำหรับแชมพูที่นำมาใช้ก็ควรเป็นแชมพูสำหรับสุนัข เด็ก หรือผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ และในขณะที่กำลังสระด้วยแชมพูก็ควรปิดน้ำให้สนิท เพราะการเปิดน้ำตลอดจะทำให้สุนัขเกิดความเครียดได้ อีกทั้งควรระมัดระวังไม่ให้น้ำหรือฟองสบู่เข้าปาก หู จมูก ตา และก้นด้วย
ส่วนหลังจากที่อาบน้ำบริเวณลำตัวเรียบร้อยแล้ว ให้ใช้ผ้าอุ่นทำความสะอาดรอบดวงตาและใบหู พร้อม ๆ กับกำจัดคราวสกปรกทั้ง 2 บริเวณออกไป ควรนำผ้าขนหนูผืนใหญ่มาซับน้ำออกจากขนของสุนัขให้ได้มากที่สุดด้วย
4. ใช้กรรไกรพิเศษสำหรับตัดแต่งขนสุนัขโดยเฉพาะ
หากไม่มีประสบการณ์ก็ไม่ควรใช้กรรไกรทั่วไปในการตัดแต่งขนสุนัข แต่ควรใช้กรรไกรที่ออกแบบมาเพื่อการนี้จะดีกว่า หรือถ้าไม่สามารถหากรรไกรสำหรับตัดแต่งขนสุนัขได้โดยตรง ให้นำใบมีดคม ๆ มาใช้แทนก็ได้ โดยใช้เฉพาะมุมใบมีดตัดแต่งขนสุนัขก็พอ และควรระมัดระวังเป็นพิเศษ เมื่อตัดแต่งขนสุนัขบริเวณดวงตา หน้าท้อง ก้น อุ้งเท้า และบริเวณที่มีผิวบอบบาง
5. เป่าขนให้แห้งสนิท
แม้สุนัขหลายตัวจะไม่ชอบการเป่าขนด้วยไดร์เป่าผมเอาเสียเลย แต่ก็ไม่สามารถข้ามขั้นตอนนี้ไปได้ เพราะเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่มีความสำคัญมากทีเดียว โดยการเป่าขนให้แห้งสนิทนี้ไม่ได้ช่วยป้องกันกลิ่นอับอันเกิดจากขนที่เปียก ชื้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ขนสุนัขฟูฟ่อง ดูเงางาม และสวยงามมากขึ้นด้วย
6. ทำความสะอาดบริเวณรอบข้าง
หากไม่ต้องการให้ชนสุนัขปลิวกระจายไปทั่วบ้าน ควรทำความสะอาดบริเวณดังกล่าวทันที หลังจากที่เป่าขนสุนัขเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งสำหรับบางคนอาจฟังดูเป็นเรื่องธรรมดา แต่ทว่ามีเจ้าของไม่น้อยเลยที่ลืมขั้นตอนนี้ไป และมานึกขึ้นได้อีกครั้งหลังจากที่ขนสุนัขปลิวว่อนเต็มบ้านแล้ว
7. ให้รางวัลคนเก่ง
ผู้เชี่ยวชาญทุกคนต่างแนะนำว่า ควรให้รางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ กับสุนัขทุกครั้งหลังอาบน้ำ เพราะการให้รางวัลจะช่วยให้สุนัขรักการอาบน้ำมากยิ่งขึ้น ซึ่งการหารางวัลให้กับสุนัขหลังอาบน้ำก็ไม่ยากเลย แค่ลูบหัว กอด หรือหอม แล้วตามด้วยอาหารกับขนมที่สุนัขชอบกิน พร้อมกับชมอีกนิดหน่อยก็เพียงพอแล้ว
การตกแต่งและดูแลขนให้กับสุนัขเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาและการฝึกฝน ฉะนั้นก็อย่าเพิ่งยอมแพ้แม้ในครั้งแรกจะไม่ค่อยได้รับผลตอบรับที่ดีสักเท่า ไหร่ เพราะหากสามารถฝึกฝนจนสามารถตกแต่งและดูแลขนให้สุนัขด้วยตัวเองได้แล้ว ไม่เพียงแต่จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายเท่านั้น แต่ยังทำให้สุนัขมีขนสวยอยู่ตลอดเวลาด้วย
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
No comments:
Post a Comment