Monday, July 28, 2014

24 เหตุผล..ทำไมคนต้องเลี้ยงแมวสักครั้งในชีวิต




         ประโยชน์ของการเลี้ยงแมว ที่น่าจะเป็นเหตุผลดี ๆ สำหรับทาสแมว ที่จะมีเหมียวน้อยเข้ามาวนเวียนเป็นเพื่อนรู้ใจอยู่ในชีวิต ลองไปอ่านประโยชน์ของการเลี้ยงแมวกันเลย

          หากคุณคิดว่าแมวเป็นเพียงสัตว์เลี้ยงธรรมดาที่แทบไม่ได้สร้างประโยชน์ใด ๆ ให้กับเจ้าของเหมือนสุนัขแล้วละก็ อาจจะต้องกลับไปทบทวนมุมมองกันใหม่อีกครั้งเสียแล้ว เพราะในวันนี้กระปุกดอทคอมมีข้อมูลจาก Distractify มาทำให้ทุกคนมองเห็นประโยชน์ของการเลี้ยงแมวในมุมมองที่แตกต่างออกไป และประโยชน์ที่ว่านี้ก็มากกว่าคอยเป็นยามเฝ้าบ้าน เพื่อนแก้เหงา และบางเรื่องก็อยู่เหนือสิ่งที่ทุกคนจะคาดคิดถึงด้วย

1. แมวเสมือนยาวิเศษช่วยบำบัดความรู้สึก

          แมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่ช่วยให้คนสามารถผ่านพ้นช่วงเวลายาก ๆ ของชีวิตไปได้ อย่างเช่น หลังการสูญเสียคนรัก โดยการพูดคุยปัญหากับแมว เพราะแมวจะไม่ซ้ำเติมความผิดพลาด หรือตัดสินคุณเหมือนการบอกกล่าวกับคน แต่แมวจะรับฟังทุกคำพูดอย่างตั้งใจ ดังนั้นแมวจึงเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการบำบัด ที่จะทำให้ความเจ็บปวดภายในให้หายไปได้อย่างน่าอัศจรรย์

 
2. ผู้ที่เลี้ยงแมวฉลาดกว่าผู้ที่เลี้ยงสุนัข

          มหาวิทยาลัยคาโรล ในรัฐวิสคอนซิน เผยว่า หลังการทดสอบไหวพริบระหว่างผู้ที่เลี้ยงแมวกับสุนัขพบว่า ผู้ที่เลี้ยงแมวมีไหวพริบมากกว่าผู้ที่เลี้ยงสุนัข ซึ่งนักจิตวิทยาเชื่อว่า ผลลัพธ์ดังกล่าวน่าจะสืบเนื่องมาจาก ผู้ที่เลี้ยงแมวให้ความสนใจเรื่องรอบข้างมากกว่า เหมือนนิสัยของแมวนั่นเอง

3. แมวช่วยพลิกหน้าประวัติศาสตร์

          ย้อนกลับไปเมื่อ 525 ปีก่อนคริสตกาล ก่อนการสู้รบที่เมืองเพลูเซียม ซึ่งเป็นเมืองสำคัญของอียิปต์ในสมัยนั้น กษัตริย์แคมไบซิสที่ 2 หรือกษัตริย์แห่งเปอร์เซีย ได้สั่งให้วาดรูปแมวลงบนโล่ของเหล่าทหาร พร้อมกับให้ทหารแห่แมวนำหน้าทัพ ซึ่งเมื่อชาวอียิปต์ที่ยกย่องแมวเหนือสิ่งอื่นใดได้เห็นดังนั้น ก็ไม่กล้าสู้รบปรบมือด้วย เพราะกลัวจะทำให้เทพพิโรธ สุดท้ายจำต้องยอมถอยทัพ และเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปในที่สุด

 
4. ลดโอกาสเสี่ยงเป็นโรคหัวใจวาย

          จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยมินิโซตาพบว่า การเลี้ยงแมวทำให้ระดับความเครียดน้อยลง เช่นเดียวกับการลดโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจวายที่สูงถึง 40 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว

5. แมวเข้ากันได้ดีกับทุกคน

          ส่วนความคิดที่ว่าสุนัขเป็นเพื่อนกับคนได้ดีกว่าแมวก็ไม่เป็นความจริง โดยเฉพาะกับผู้หญิง เพราะศึกษาในสวิตเซอร์แลนด์พบว่า แมวสามารถเข้ากับคนในครอบครัวเดียวกันได้อย่างยอดเยี่ยม แต่แมวจะทำเช่นนั้นกับคนที่แสดงความเมตตา รักใคร่ และเอ็นดูกับพวกมันก่อน

 
6. ทาสแมวเป็นคนเปิดเผย อ่อนไหว และคิดนอกกรอบมากกว่า

          การศึกษาจากในซานฟรานซิสโกระบุว่า บุคลิกลักษณะระหว่างผู้ที่เลี้ยงแมวกับสุนัขมีความแตกต่างกันมากทีเดียว ซึ่งความแตกต่างก็เกิดขึ้นจากสัตว์เลี้ยงของพวกเขานั่นเอง โดยพบว่าผู้ที่เลี้ยงแมวเป็นคนที่เปิดเผย อ่อนไหว และมีความคิดนอกกรอบมากกว่าผู้ที่เลี้ยงสุนัข ซึ่งนิสัยของแมวก็มีส่วน

7. แมวมีระดับคาร์บอน ฟุตพริ้นท์ น้อยกว่าสุนัข

          นอกจากนี้ยังมีรายงานจากแหล่งข่าวอีกว่า การดูแลและให้อาหารสุนัขสามารถปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือ คาร์บอน ฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) เทียบเท่ากับได้กับรถยนต์ ในขณะที่แมวซึ่งเป็นสัตว์ที่กินน้อย และอาหารที่แมวกินส่วนใหญ่ก็ยังเป็นปลามากกว่าเนื้อสัตว์ ดังนั้นจึงทำให้มีระดับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่า โดยมีขนาดเทียบเท่ากับลูกกอล์ฟเท่านั้นเอง

8. แมวสามารถผูกมิตรกับเด็ก ๆ ได้ดี

          จากการศึกษาพบว่า 81 เปอร์เซ็นต์ของเด็กที่อาศัยอยู่กับแมว มักจะระบายความรู้สึกกับแมวมากกว่าเพื่อนหรือพ่อแม่ ในขณะที่เด็กอีกกว่า 87 เปอร์เซ็นต์เห็นแมวเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของตัวเอง

 
9. เด็กที่อาศัยอยู่กับแมวขาดโรงเรียนน้อยกว่า

          เด็กที่อาศัยร่วมบ้านหลังเดียวกับแมวมีสถิติในการหยุดเรียนน้อยกว่าเด็กทั่ว ไป โดยมีค่าเฉลี่ยการหยุดเรียนอยู่ที่ประมาณ 9 วันต่อปีเท่านั้น ส่วนสาเหตุก็เป็นเพราะว่า ผู้ที่เลี้ยงแมวมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงกว่านั่นเอง พร้อมกันนี้ยังพบว่าเด็กกลุ่มนี้มีความเสี่ยงในการเป็นโรคหูอักเสบน้อยลง ด้วย

10. แมวช่วยให้ระดับคอเลสเตอรอลของเจ้าของน้อยลง 

          นักวิทยาศาสตร์ชาวแคนาดาเชื่อว่า การเลี้ยงแมวสามารถช่วยให้สารเคมีที่เรียกว่า ไตรกลีเซอไลน์ ซึ่งเป็นสารเคมีที่ทำให้ระดับคอเลสเตอรอลสูง ในร่างกายของผู้เลี้ยงแมวลดลงได้

11. แมวสามารถช่วยชีวิตเจ้าของได้

          โรเจอร์ มัคฟอร์ด นักจิตวิทยาสัตว์เชื่อว่า แมวสามารถช่วยเหลือผู้ป่วยได้ดีไม่แพ้สุนัข หลังจากที่ในปี ค.ศ. 2012 แมวพุดดิ้งได้ช่วยชีวิตเอมี่ ผู้ที่รับเลี้ยงมันมาดูแลเอาไว้ได้อย่างดีเยี่ยม โดยในคืนที่เธอชัก เจ้าพุดดิ้งก็ใช้จมูกดันจนกระทั่งเธอรู้สึกตัว ก่อนจะวิ่งไปปลุกลูกชายของเธอ เพื่อให้เขาโทรศัพท์เรียกรถพยาบาล

12. การเลี้ยงแมวช่วยลดความรู้สึกหดหู่

          และเนื่องจากการรักแมวเป็นความรักที่ไม่มีเงื่อนไข และความรักนี้เองที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า แมวสามารถช่วยลดความรู้สึกหดหู่ ความรู้สึกกังวล หรือความรู้สึกกดดันได้

 
13. แมวช่วยเด็กออทิสติกได้

          หลังจากการศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งควีนส์แลนด์พบว่า เด็กออทิสติกที่อยู่กับแมวมีแนวโน้มที่จะพูดคุย สบตา และยิ้มมากกว่าเด็กออทิสติกทั่วไป นั่นเป็นเพราะว่าความอ่อนโยนของแมวสามารถเข้ากับเด็ก ๆ เหล่านี้ได้ดีนั่นเอง

14. การเลี้ยงแมวทำให้มีความสุขมากขึ้น

          การเลี้ยงดูแมวยังช่วยกระตุ้นการผลิตสารออกซิโทซิน หรือฮอร์โมนแห่งความรัก ก็เลยเป็นเหตุให้ทุกครั้งที่ผู้ที่เลี้ยงแมวดูแลพวกมัน กลายเป็นการสร้างความสุขให้กับตัวเองไปด้วย


15. การครางของแมวช่วยรักษาโรคได้

          เนื่องจากการครางของแมวจัดอยู่ในช่วงความถี่ 20-140 เฮิรตซ์ ซึ่งเป็นช่วงความถี่ที่สามารถใช้รักษาโรคบางอย่างได้ อย่างเช่น ลดอาการหอบหืด หรือช่วยในการรักษากระดูกและเนื้อเยื่อให้ดีขึ้นได้แม้อยู่ในภาวะความดัน เลือดต่ำ เป็นต้น

16.  แมวช่วยลดความตึงเครียด

          มหาวิทยาลับมิสซูรีพบว่า การเลี้ยงแมวยังช่วยลดระดับความเครียดในคนด้วย หลังจากที่พวกเขานำผลการศึกษาของคนที่แต่งงานแล้วจำนวน 240 คู่ มาเปรียบเทียบและเห็นตรงกันว่า คู่แต่งงานที่เลี้ยงแมวมีระดับความเครียดน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้เลี้ยง

17. แมวช่วยดึงเสน่ห์ผู้ชายออกมา

          จากการสำรวจเกี่ยวกับผู้ชายก็พบว่า ผู้หญิงโสดกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ คิดว่าผู้ชายที่ชอบแมวมีแรงดึงดูดกับพวกเธอมากกว่าผู้ชายที่ไม่ชอบแมว

18. แมวช่วยลดโรคหอบหืดและโรคภูมิแพ้ในเด็ก

          ส่วนเด็ก ๆ ที่อาศัยอยู่กับแมวตั้งแต่อายุยังน้อยมีโอกาสเป็นโรคหอบหืดน้อยกว่า เพราะจากการศึกษาพบว่าภูมิคุ้มกันในร่างกายของเด็กกลุ่มนี้มีการพัฒนาที่ดี กว่าก็เลยช่วยป้องกันเด็กจากโรคดังกล่าวได้

 
19. ลดความเสี่ยงของการเป็นโรคเส้นเลือดในสมองอุดตัน

          ในขณะที่ทีมวิจัยยังไม่สามารถสรุปได้ชัดเจนว่า เพราะเหตุใดเจ้าของแมวมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคเส้นเลือดในสมองอุดตันน้อย กว่าคนที่ไม่ได้เลี้ยงแมว แต่ถ้าหากลองพิจารณาดูดี ๆ ก็จะพบว่า สาเหตุที่ทำให้เป็นเช่นนั้นอาจเพราะ แมวมีระดับความเครียดน้อย แถมยังมีความดันเลือดและคอเลสเตอรอลต่ำนั่นเอง

20. คนเลี้ยงแมวเข้ากับคนรอบข้างได้ดี

          เนื่องจากเด็กที่เติบโตมาพร้อมกับแมวจะมีการฝึกฝนการวิเคราะห์ความคิดและ ความรู้สึกไปในตัว ซึ่งจากประสบการณ์ดังกล่าวนี่เองที่ช่วยให้พวกเขาสามารถเข้ากับคนรอบข้างได้ ดี แถมยังสามารถวิเคราะห์การกระทำของพวกเขาที่มีอิทธิพลกับคนอื่นได้ด้วย

  
21. กลับสู่อารมณ์ปกติหลังจากผิดหวังได้เร็วขึ้น

          จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยมิสซูรี หลังจากที่พวกเขาให้นักศึกษาปริญญาตรีบรรยายความรู้สึกหลังโดนปฏิเสธออกมา พร้อมกับให้พวกเขาเขียนเรื่องเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง ซึ่งผลปรากฏว่าสัตว์เลี้ยงมีส่วนช่วยรักษาความรู้สึกหลังโดนปฏิเสธได้

22. แมวสามารถช่วยดูแลผู้ป่วยที่เป็นอัลไซเมอร์ได้

          หากในบ้านของผู้ป่วยอัลไซเมอร์มีแมวอาศัยอยู่ด้วยจะทำให้พวกเขามีความวิตก น้อยลง เพราะแมวดูแลตัวเองได้ และขี้อ้อน ช่วยให้ผู้เลี้ยงมีความสุขมากขึ้น อีกทั้งแมวยังเป็นสัตว์เลี้ยงที่เหมาะกับผู้ป่วยอัลไซเมอร์ที่สุด เนื่องจากแมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่ต้องการการดูแลน้อยกว่าสุนัขนั่นเอง

23. แมวช่วยดูแลเด็ก ๆ แทนได้

          แมวยังสามารถทำหน้าที่ในการดูแลเด็ก ๆ ได้ดีอีกด้วย เพราะแมวสามารถทำหน้าที่ที่ใกล้เคียงกับพ่อ-แม่ของเด็ก ๆ โดยเฉพาะผู้เป็นแม่ จากลักษณะการกระทำในระหว่างที่เจ้าของให้อาหารและดูแลพวกมัน

24. การเลี้ยงแมวช่วยรักษาระดับความดันเลือด

          จากการวิจัยของศูนย์ศึกษาการปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสัตว์ ของมหาวิทยาลัยมิสซูรีพบว่า การเลี้ยงดูและเล่นกับแมวช่วยให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอลน้อยลง และจากผลข้างต้นนี่เองที่ทำให้ความดันเลือดอยู่ในระดับที่สมดุล


          หลังจากที่ได้เห็นประโยชน์ของการเลี้ยงแมวกันไปแล้ว ทีนี้เชื่อกันหรือยังว่าแมวไม่ใช่สัตว์เลี้ยงธรรมดา เป็นสัตว์เลี้ยงมหัศจรรย์ที่มอบประโยชน์มากมายให้กับเจ้าของ ก็หวังว่าทุกคนจะดูแลแมวของตัวเองกันเป็นอย่างดี และใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุขมากขึ้นนะคะ

ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Wednesday, July 16, 2014

เคล็ดลับเพื่อบ้านสะอาด สำหรับคนเลี้ยงสัตว์




         เหตุผลที่หลายคนไม่อยากเลี้ยงสัตว์ในบ้าน แม้ว่าใจจริงจะเป็นคนรักสัตว์ขนาดไหน หลัก ๆ ก็คงเป็นเพราะกลัวกลิ่นไม่พึงประสงค์จากน้องหมา น้องแมว อันเป็นต้นเหตุที่ทำให้บ้านดูสกปรกใช่ไหมคะ แต่ใช่ว่าเลี้ยงสัตว์ในบ้านแล้วจะต้องทำให้บ้านไม่สะอาดเสมอไปซะเมื่อไร เพราะหากคุณดูแลสัตว์เลี้ยงอย่างดี และรู้เคล็ดลับเพื่อบ้านสะอาดสำหรับคนรักสัตว์ต่อไปนี้แล้วล่ะก็ ต่อให้เลี้ยงน้องหมา น้องแมวกี่ตัว บ้านก็จะสะอาดหอมสดชื่นจนน่าปลื้มปริ่มได้เหมือนกัน

กระบะทรายแมว ตัวช่วยเด็ด

          ส่วนมากบ้านที่เลี้ยงน้องแมวมักจะมีกลิ่นอันไม่พึงประสงค์เฉพาะตัวของแมวฉุน ไปทั้งบ้าน เพราะน้องแมวไปทิ้งระเบิดอยู่ตามจุดต่าง ๆ ทั่วบ้านไปหมด สร้างความกลุ้มใจให้ไม่น้อย แต่ถ้าหากคุณอยากเลี้ยงน้องเหมียวแบบคลีน ๆ ลองใช้กระบะทรายแมวเป็นตัวช่วยดูสิคะ แล้วก็ฝึกให้เจ้าเหมียวแสนรักใช้กระบะทรายเป็นห้องน้ำของเขาให้ติดเป็นนิสัย แต่ที่สำคัญคุณเองก็ต้องถ่ายกระบะทรายแมวทุก ๆ 2 วันเป็นอย่างต่ำด้วย โดยเพื่อความสะดวกในการทำความสะอาดกระบะทรายแมว แนะนำให้ใช้แผ่นพลาสติกรองกระบะทรายแมวไว้ก่อน เวลาจะถ่ายกระบะทรายแมวก็ทำแค่รวบแผ่นพลาสติกแล้วยกทรายไปทิ้งทีเดียว คราวนี้ก็หมดปัญหาเรื่องกลิ่นอันไม่พึงประสงค์จากน้องเหมียวอีกต่อไป อ้อ ! ส่วนน้องหมาแสนรู้ เราก็สามารถพาเขาไปเดินเล่น เพื่อเปิดโอกาสให้เขาได้ทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย แต่ทั้งนี้เจ้าของก็ต้องคอยเก็บอุนจิของเจ้าสี่ขากันด้วยนะจ๊ะ จะได้ไม่เป็นภาระคนอื่น
 

แปรงขนทุกวัน ป้องกันขนร่วง

          จัดการปัญหากลิ่นไม่พึงประสงค์จากสัตว์เลี้ยงไปแล้ว แต่เรายังเหลือปัญหาขนสัตว์ที่ติดอยู่ตามโซฟา ผืนพรม เบาะรถยนต์ หรือแม้กระทั่งเสื้อผ้า ลามไปตามพื้นบ้านทั่วไปอีกนะคะ แต่ปัญหาเหล่านี้จัดการได้ไม่ยากค่ะ เพียงแค่เราต้องหมั่นแปรงขนน้องหมา น้องแมวทุกวัน เพื่อกำจัดขนที่เขาผลัดออกมาซะก่อนที่มันจะหล่นติดอยู่ตามพื้นที่ต่าง ๆ ในบ้าน และรถของเรา โดยถ้าจะให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ก็ต้องเลือกแปรงที่เหมาะกับสภาพขนของสัตว์เลี้ยงเราด้วย และคอยสังเกตดูด้วยว่า ขนของสัตว์เลี้ยงแสนรักหลุดร่วงมากเกินผิดปกติหรือเปล่า เนื่องจากสัตว์เลี้ยงอาจจะติดเชื้อโรคทางผิวหนัง หรือมีปัญหาสุขภาพบางอย่างที่ส่งผลทำให้ขนร่วงจำนวนมาก เข้าขั้นผิดปกติ ซึ่งก็คงต้องรีบพาเขาไปพบสัตว์แพทย์โดยเร็วที่สุด

          แต่สำหรับขนสัตว์ที่ติดฝังแน่นไปกับโซฟา พรม เบาะนั่ง เสื้อผ้า และพื้นที่อื่น ๆ ในบ้านไปแล้ว แบบนี้คงต้องจัดการด้วยลูกกลิ้งกำจัดขนสัตว์ หรือแปรงกำจัดขนสัตว์แล้วล่ะค่ะ หรือถ้าอยากจะใช้วิธีบ้าน ๆ ก็แค่สวมถุงมือยาง พรมน้ำพอชื้น ๆ แล้วไล่เก็บเศษขนที่ติดอยู่ตามโซฟา เบาะนั่ง พื้นพรม วิธีนี้ก็เด็ดไม่เบาเลยล่ะ


 
กำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ให้สิ้นซาก

          บ่อยครั้งที่น้องหมาน้องแมวทำพิษใส่เราด้วยการปล่อยของเสียลงบนพื้นพรม หรือเบาะนั่งแบบเฉียบพลัน ซึ่งเราก็ต้องรีบเช็ดทำความสะอาดให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากนั้นก็ต้องทำความสะอาดพื้นที่ ณ จุดเกิดเหตุให้หมดจดที่สุด เพื่อป้องกันกลิ่นเหม็น ๆ ฝังแน่นอยู่ในพื้นที่ พร้อมกันนั้นก็เป็นการป้องกันไม่ให้สัตว์เลี้ยงกลับมาปล่อยของที่จุดเดิมอีกครั้งด้วย โดยวิธีทำความสะอาดคุณอาจจะใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับกำจัดของเสียของสัตว์เลี้ยง ที่มีส่วนผสมของเอนไซม์ต่อต้านยูรีนโดยเฉพาะ หรือง่าย ๆ ก็แค่โรยพื้นด้วยเบกกิ้งโซดา หรือแป้งข้าวโพด เพื่อดูดซับน้ำที่ตกค้างอยู่ในพื้นพรม หรือเบาะนั่งให้หมดจดก่อน จากนั้นใช้เบกกิ้งโซดา ผสมน้ำส้มสายชูเพื่อกำจัดกลิ่นเดิมที่ฝังแน่นออกไปก็ได้ค่ะ

          นอกจากเคล็ดลับเหล่านี้แล้ว เราก็ควรอาบน้ำน้องหมา น้องแมวเป็นประจำ เพื่อให้เขาเป็นสัตว์เลี้ยงที่สะอาดสะอ้านน่ากอด หรือถ้าจะให้ดี ควรแบ่งโซนสำหรับสัตว์เลี้ยงให้ชัดเจนไปเลย ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้บ้านของคุณไม่ต้องกังวลเรื่องความสะอาดมากนัก แถมยังเซฟเราจากการโรคภูมิแพ้ที่อาจจะเกิดจากขนสัตว์ไปในตัวด้วยนะคะ


ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Monday, July 7, 2014

7 ขั้นตอนดูแลขนสุนัข ทำที่บ้านได้ง่าย ๆ



        เจ้าของสุนัขหลายคนอาจต้องเสียเงินไปกับการพาสุนัขของตัวเองไปตัดแต่งขนที่ร้านดูแลสุนัขโดยเฉพาะ แต่หลังจากนี้อาจไม่ต้องทำแบบนั้นอีกต่อไป เมื่อได้ศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับการดูแล บำรุง และอาบน้ำให้สุนัขอย่างครบถ้วนจากวิธีดูแลขนสุนัขที่สุดแสนจะง่ายดายต่อไปนี้ และการันตีได้เลยว่าเจ้าของสุนัขสามารถทำตามได้ง่าย ๆ จ้า

1. แปรงขนกำจัดสิ่งสกปรก

          เริ่มจากการแปรงขนสุนัข เพื่อกำจัดเส้นขนที่ตายแล้ว และจัดระเบียบให้ขนสุนัขเสียก่อน พร้อมกับตัดขนที่จับกันเป็นก้อนออกไป โดยแปรงขนให้ครบทุกส่วนตั้งหัวจรดหาง ทั้งสุนัขพันธุ์ขนสั้นและขนยาว แต่อาจต้องเลือกแปรงที่มีเส้นขนนุ่มสักหน่อย สำหรับสุนัขที่มีขนบาง ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ ควรแปรงขนสุนัขอย่างเบามือ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดบาดแผลบนผิวหนังของสุนัข

2. พูดเพราะ ๆ เพื่อให้สุนัขวางใจ
        
          หลังจากแปรงขนเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาอาบน้ำ แต่ก่อนถึงขั้นนั้นควรจะพูดเพราะ ๆ กับสุนัขเสียก่อน เพื่อให้สร้างความสุขให้กับสุนัข และทำให้สุนัขเชื่อใจว่าคุณไม่ได้ต้องการจะทำให้โกรธ หรือทำร้ายสุนัขแต่อย่างใด ซึ่งถ้าหากข้ามขั้นตอนนี้ไปก็อาจจะทำให้สุนัขวิ่งหนี หาที่หลบซ่อนตัว หรือแสดงอารมณ์รุนแรงออกมาขณะที่กำลังจับสุนัขอาบน้ำได้


 
3. อาบน้ำชำระสิ่งสกปรก

          สุนัขจะรู้สึกสบายตัวกว่าหากอาบน้ำโดยใช้สายชำระค่อย ๆ รดไปที่ลำตัว แทนที่จะใช้น้ำจากก๊อกน้ำอาบน้ำให้สุนัขโดยตรง สำหรับแชมพูที่นำมาใช้ก็ควรเป็นแชมพูสำหรับสุนัข เด็ก หรือผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ และในขณะที่กำลังสระด้วยแชมพูก็ควรปิดน้ำให้สนิท เพราะการเปิดน้ำตลอดจะทำให้สุนัขเกิดความเครียดได้ อีกทั้งควรระมัดระวังไม่ให้น้ำหรือฟองสบู่เข้าปาก หู จมูก ตา และก้นด้วย

          ส่วนหลังจากที่อาบน้ำบริเวณลำตัวเรียบร้อยแล้ว ให้ใช้ผ้าอุ่นทำความสะอาดรอบดวงตาและใบหู พร้อม ๆ กับกำจัดคราวสกปรกทั้ง 2 บริเวณออกไป ควรนำผ้าขนหนูผืนใหญ่มาซับน้ำออกจากขนของสุนัขให้ได้มากที่สุดด้วย

4. ใช้กรรไกรพิเศษสำหรับตัดแต่งขนสุนัขโดยเฉพาะ

          หากไม่มีประสบการณ์ก็ไม่ควรใช้กรรไกรทั่วไปในการตัดแต่งขนสุนัข แต่ควรใช้กรรไกรที่ออกแบบมาเพื่อการนี้จะดีกว่า หรือถ้าไม่สามารถหากรรไกรสำหรับตัดแต่งขนสุนัขได้โดยตรง ให้นำใบมีดคม ๆ มาใช้แทนก็ได้ โดยใช้เฉพาะมุมใบมีดตัดแต่งขนสุนัขก็พอ และควรระมัดระวังเป็นพิเศษ เมื่อตัดแต่งขนสุนัขบริเวณดวงตา หน้าท้อง ก้น อุ้งเท้า และบริเวณที่มีผิวบอบบาง



5. เป่าขนให้แห้งสนิท

          แม้สุนัขหลายตัวจะไม่ชอบการเป่าขนด้วยไดร์เป่าผมเอาเสียเลย แต่ก็ไม่สามารถข้ามขั้นตอนนี้ไปได้ เพราะเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่มีความสำคัญมากทีเดียว โดยการเป่าขนให้แห้งสนิทนี้ไม่ได้ช่วยป้องกันกลิ่นอับอันเกิดจากขนที่เปียก ชื้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ขนสุนัขฟูฟ่อง ดูเงางาม และสวยงามมากขึ้นด้วย

6. ทำความสะอาดบริเวณรอบข้าง

          หากไม่ต้องการให้ชนสุนัขปลิวกระจายไปทั่วบ้าน ควรทำความสะอาดบริเวณดังกล่าวทันที หลังจากที่เป่าขนสุนัขเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งสำหรับบางคนอาจฟังดูเป็นเรื่องธรรมดา แต่ทว่ามีเจ้าของไม่น้อยเลยที่ลืมขั้นตอนนี้ไป และมานึกขึ้นได้อีกครั้งหลังจากที่ขนสุนัขปลิวว่อนเต็มบ้านแล้ว


 
7. ให้รางวัลคนเก่ง

          ผู้เชี่ยวชาญทุกคนต่างแนะนำว่า ควรให้รางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ กับสุนัขทุกครั้งหลังอาบน้ำ เพราะการให้รางวัลจะช่วยให้สุนัขรักการอาบน้ำมากยิ่งขึ้น ซึ่งการหารางวัลให้กับสุนัขหลังอาบน้ำก็ไม่ยากเลย แค่ลูบหัว กอด หรือหอม แล้วตามด้วยอาหารกับขนมที่สุนัขชอบกิน พร้อมกับชมอีกนิดหน่อยก็เพียงพอแล้ว


          การตกแต่งและดูแลขนให้กับสุนัขเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาและการฝึกฝน ฉะนั้นก็อย่าเพิ่งยอมแพ้แม้ในครั้งแรกจะไม่ค่อยได้รับผลตอบรับที่ดีสักเท่า ไหร่ เพราะหากสามารถฝึกฝนจนสามารถตกแต่งและดูแลขนให้สุนัขด้วยตัวเองได้แล้ว ไม่เพียงแต่จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายเท่านั้น แต่ยังทำให้สุนัขมีขนสวยอยู่ตลอดเวลาด้วย

ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Sunday, July 6, 2014

ทอลลี่ มะหมาฮัสกี้ที่คิดว่าตัวเองเป็นแมว




        เคยสงสัยกันไหมเอ่ย ว่าถ้าเลี้ยงทั้งแมวและหมาไว้ด้วยกันแล้วผลที่ได้จะเป็นอย่างไร ลองมาดูหนึ่งในตัวอย่างของคำตอบจากเจ้า "ทอลลี่" กันดีกว่า มันคือมะหมาที่กำลังโด่งดังในโลกออนไลน์ตอนนี้ ในฐานะมะหมาฮัสกี้ที่มีนิสัยเหมือนแมว ก็มันโดนเลี้ยงมากับแมวตั้งแต่เด็ก ๆ เลยนี่นา !
 

          คุณ xlinnea เจ้าของทอลลี่ ที่ได้โพสต์รูปของมันลงในเว็บไซต์ imgur บอก ว่า เจ้าทอลลี่เป็นพันธุ์ผสมไซบีเรียน ฮัสกี้-อลาสกัน มาลามิวท์ เธอรับเลี้ยงมันต่อจากเจ้าของเดิมเมื่อมันอายุ 2 ขวบ และได้รับการบอกเล่าว่ามันเป็นมะหมาที่เติบโตขึ้นมาพร้อมแมวเป็นฝูง สงสัยจะเพราะเหตุผลนี้ล่ะ ที่ทำให้ทอลลี่ติดนิสัยเหมียว ๆ มาเพียบ 

 
          อะไรที่เป็นนิสัยแมว ๆ เจ้าทอลลี่ล่ะชอบไปหมด ไม่ว่าจะเป็นการทำหน้าอ้อน ๆ มีนิสัยแบ๊ว ๆ แบบที่ว่าไม่ค่อยสัมพันธ์กับขนาดตัวเท่าไหร่ ชอบเอาตัวเข้าไปอยู่ในที่แคบ ๆ โดยเฉพาะการมุดกล่องนี่โปรดปรานเป็นที่สุด ไม่ค่อยเห่า และเล่นกับสุนัขตัวอื่นเท่าไหร่ แต่รักสันโดษชอบนอนซุ่มดูคนนู้นคนนี้ที่เดินผ่านไปมามากกว่า แต่อย่างน้อยหนึ่งอย่างที่ทำให้มันไม่เหมือนแมว ก็คือไม่ค่อยชอบให้ใครมาเกาพุงนะจ๊ะ

 
          อูยย เห็นความน่ารักแต่ละภาพของเจ้าทอลลี่แล้วใจละลาย อยากได้ลูกครึ่งแมว-หมา แบบนี้สักตัวจังเลยเนอะ >.<