Tuesday, March 3, 2015

น้องหมารู้ด้วยนะ ว่าคนไหนไว้ใจไม่ได้




         ผลวิจัยญี่ปุ่นทำเอาอึ้ง ! เมื่อพบว่าน้องหมาสามารถแยกแยะความน่าเชื่อถือของคนได้ แถมยังดื้อใส่ทันที ที่มีเซ้นส์ว่าคนนี้เชื่อถือไม่ได้ชัวร์ ๆ ด้วยนะ

          แม้สุนัขจะดูเปิ่น ๆ เหมือนเด็กที่ไม่รู้ประสีประสา แต่เบื้องหลังใบหน้าซื่อ ๆ นี้กลับมีความเฉลียวฉลาดในหลาย ๆ เรื่อง โดยหนึ่งในเรื่องที่งานวิจัยหลาย ๆ ชิ้นระบุไว้ตรงกันก็คือ สุนัขสามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างใบหน้าของคนที่มีความสุข โกรธ หรือแม้กระทั่งอยู่ในห้วงอารมณ์หึงหวงได้ และล่าสุดวารสาร แอนิมอล คอกนิชั่น (Animal Cognition) รายงานผลการวิจัยจาก มหาวิทยาลัยเกียวโต ในญี่ปุ่น ซึ่งนำทีมวิจัยโดย อากิโกะ ทาคาโอกะ ซึ่งบอกว่า "สุนัขสามารถสัมผัสได้ว่า คนไหนที่ไว้ใจไม่ได้"

 
          โดยจากการให้สุนัขทดลองจำนวน 34 ตัว ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้ทดลองทั้งหมด 3 ครั้ง ครั้งแรกให้ผู้ทดลองชี้ไปยังจุดที่มีอาหารซ่อนอยู่ในคอนเทนเนอร์ ส่วนครั้งที่ 2 ก็ชี้ไปที่จุดเดิมแต่ไม่มีอาหาร และครั้งสุดท้ายก็ทำแบบเดียวกับรอบแรก ผลปรากฏว่าสุนัขไม่มีการตอบสนองใด ๆ ในรอบสุดท้าย เพราะสุนัขใช้ประสบการณ์ในการตัดสินความน่าเชื่อถือของคนแต่ละคน เพราะเมื่อลองทดสอบรอบใหม่ด้วยวิธีการเดิม แต่เปลี่ยนผู้ทดลอง สุนัขก็ยอมทำตามคำสั่งด้วยความกระตือรือร้น

 
          จากการทดลองในครั้งนี้ทำให้ทาคาโอกะรู้สึกประหลาดใจมาก ว่าสุนัขสามารถลดความน่าเชื่อของคนคนหนึ่งได้อย่างรวดเร็ว และสุนัขเป็นสัตว์ที่มีความฉลาดในการเข้าสังคมมากกว่าที่คนคิด โดยค่อย ๆ พัฒนามาจากประสบการณ์ในอดีตที่มีความเกี่ยวข้องกับคน

          นอกจากนี้ จอห์น แบรดชอว์ จากมหาวิทยาลัยบริสตอล ในอังกฤษ บอกด้วยว่า งานวิจัยดังกล่าวทำให้เห็นอีกว่า สุนัขเป็นสัตว์ที่ชอบเหตุการณ์ที่คาดเดาได้ หากมีอะไรที่ผิดแผกไปจากเดิมก็จะทำสิ่งอื่นแทน พร้อมกับเกิดอาการก้าวร้าว หวาดกลัว หรือเคร่งเครียด ที่สำคัญเจ้าของสุนัขที่ปฏิบัติกับสุนัขไม่สม่ำเสมอ เป็นสาเหตุที่ทำให้สุนัขไม่เชื่องด้วย


          อีกทั้งจากการวิจัยยังทำให้รู้ว่า สุนัขฉลาดกว่าที่คนคิด แต่ความฉลาดของสุนัขค่อนข้างแตกต่างจากคน โดยสุนัขจะตัดสินจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ไม่ได้มองย้อนกลับไปในอดีต มองเผื่ออนาคต หรือคิดลึกซึ้งถึงรายละเอียดยิบย่อย และใช้ข้อมูลที่ได้บนพื้นฐานของความเชื่อใจ ในการช่วยเหลือภารกิจต่าง ๆ ให้ลุล่วงนั่นเอง

แหล่งที่มา  http://pet.kapook.com/view113228.html
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Saturday, January 3, 2015

การหอบของน้องหมามีประโยชน์อย่างไร?




         ในยามที่เราร้อนมากจนเหงื่อไหลไคลย้อย เรายังสามารถยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเหงื่อได้ แล้วเคยนึกสงสัยบ้างไหมคะ ว่ายามที่น้องหมาของเราร้อน เขาจะทำอย่างไรกันบ้าง แน่นอนว่าต่อให้เจ้าสี่ขาของคุณจะแสนรู้ขนาดไหน มันก็คงไม่เอาหน้าไปถูไถกับผ้าเพื่อซับเหงื่อเป็นแน่ เพราะที่จริงแล้ว สุนัขมีต่อมเหงื่ออยู่น้อยมาก ๆ  เมื่อเทียบกับคนเรา มันจึงไม่ได้อาศัยการขับน้ำออกมาเป็นเหงื่อ เพื่อพาความร้อนออกจากร่างกายหรอกนะคะ แต่สิ่งที่มันทำก็คือการ "หอบ" ต่างหากค่ะ

          ในวันที่อากาศร้อนแดดแรง ใครที่สังเกตเห็นเจ้าตูบของตัวเองหอบบ่อย ๆ ถี่ ๆ ไม่ต้องตกใจไปนะคะ เพราะการหอบนั้นเป็นกลไกเพื่อคลายความร้อนของเขานั่นเอง แม้ว่าเจ้าตูบจะมีต่อมเหงื่ออยู่ที่อุ้งเท้า และบริเวณผิวหนังซึ่งไม่มีขนปกคลุม แต่ก็นับเป็นพื้นผิวที่น้อยมาก ๆ เมื่อเทียบสัดส่วนกับขนาดของร่างกาย มันจึงไม่สามารถอาศัยการขับเหงื่อออกมาตามทางเหล่านี้เป็นหนทางหลักในการคลายความร้อนให้กับร่างกาย ดังนั้น เจ้าสี่ขาของเราจึงอาศัยวิธีการหอบหายใจแทนค่ะ 

 
          สำหรับการหอบของเจ้าตูบจะเป็นการหายใจเข้าออกสั้น ๆ และถี่มาก ในนาทีหนึ่งเจ้าตูบจะหอบหายใจได้ถึง 300-400 ครั้งเลยทีเดียว (ในขณะที่อัตราการหายใจปกติของมันอยู่ที่ 30-40 ครั้ง/นาที) การหายใจสั้น ๆ ของเจ้าตูบจะช่วยเร่งให้เกิดความชื้นที่ลิ้น ในช่องปาก และตามทางเดินหายใจของมัน  ระเหยกลายเป็นไอ อันจะช่วยพาความร้อนในร่างกายออกไปได้ด้วย นี่จึงกลายเป็นวิธีหลักที่มันใช้เพื่อระบายความร้อนออกจากร่างกายนั่นเอง

          ฟังดูแล้วอาจจะยังนึกสงสัยต่อไปว่า .. เอ ถ้าหอบบ่อยและถี่ขนาดนี้ เจ้าตูบจะไม่เหนื่อยบ้างหรือไงนะ คำตอบก็คือ "ไม่หรอกค่ะ" เพราะปอดและทางเดินหายใจของเจ้าตูบค่อนข้างมีความยืดหยุ่นสูง การหอบของมันไม่ได้เผาผลาญพลังงานไปเท่าไหร่เลย เจ้าตูบจึงไม่รู้สึกเหนื่อยใด ๆ กับการระบายความร้อนแบบนี้นะคะ .. เพราะฉะนั้นหมดกังวลได้เลยจ้า


ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Wednesday, November 5, 2014

ชี้ สัตว์เลี้ยง อายุมาก เสี่ยงเป็น มะเร็ง




        สัตว์เลี้ยงก็มีความเสี่ยงป่วยเป็นโรคมะเร็งเหมือนมนุษย์ โดยเฉพาะยิ่งอายุมากขึ้น แนะเจ้าของหมั่นสังเกตความผิดปกติ

          รศ.สพ.ญ.ดร.อัจฉริยา ไศละสูต หัวหน้าภาควิชาพยาธิวิทยา คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวบนเวทีเสวนาเรื่อง "ความก้าวหน้าในการวินิจฉัยมะเร็งในสัตว์เลี้ยง" ในงาน "เปิดโลกบัณฑิตศึกษา 2552" ภายในอาคารจามจุรีสแควร์ ว่า ปัจจุบันพบโรคมะเร็งในสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะสุนัขและแมวเพิ่มขึ้น สาเหตุมาจากการที่เจ้าของดูแลเอาใจใส่สัตว์เลี้ยงของตัวเอง ทำให้มีอายุยืน ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งได้เช่นเดียวกับในคน เพราะโรคมะเร็งเกิดขึ้นในกลุ่มที่มีอายุมากในสัตว์พบช่วงอายุ 6-7 ปี เทียบกับคนช่วงอายุ 50-60 ปี


          สาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงเซลล์ภายในร่างกาย รวมถึงสภาพแวดล้อมที่สัตว์อาศัย เช่น อยู่ในพื้นที่แหล่งกำเนิดกัมมันตภาพรังสี หรือในสถานที่ที่มีฝุ่นควัน รวมถึงอาหารที่ประกอบด้วยสารต้านอนุมูลอิสระจะไปส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เนื้อเยื่อ

          "มะเร็งที่พบมากที่สุดในสัตว์ ได้แก่ มะเร็งผิวหนัง และมะเร็งเต้านม การรักษาโรคมะเร็งในสัตว์พบว่าแพทย์ที่รักษาเฉพาะทางในไทยยังมีจำนวนไม่มาก ประกอบกับค่ารักษาค่อนข้างราคาสูง และไม่รับประกันว่าจะหายขาดหรือไม่ เพราะเป็นโรคที่ติดต่อทางพันธุกรรม" รศ.สพ.ญ.ดร.อัจฉริยา ระบุ

 
          ส่วนข้อสังเกตดูว่าสัตว์เลี้ยงอาจเป็นโรคมะเร็งหรือไม่ เจ้าของทำได้ด้วยการหมั่นคลำลำตัวสัตว์เลี้ยงหากพบก้อนเนื้อ เม็ดหูด หรือไฝ รวมถึงเมื่อสัตว์มีบาดแผลแล้วเรื้อรัง เลือดออกไม่หยุด ให้รีบนำไปหาสัตวแพทย์เพื่อตรวจสอบ บางตัวอาจไม่แสดงอาการ แต่มีข้อสังเกต เช่น เบื่ออาหารหรือน้ำมูกไหล อย่างไรก็ตาม มะเร็งในสัตว์ไม่สามารถติดต่อไปยังผู้เลี้ยงหรือมนุษย์ อย่างไรก็ตาม มะเร็งในสัตว์ไม่สามารถติดต่อไปยังผู้เลี้ยงหรือมนุษย์

แหล่งที่มา  ข่าวสด, http://pet.kapook.com/view6843.html
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Wednesday, October 29, 2014

เคล็ดลับทำความสะอาดบ้านของคนรักสัตว์เลี้ยง


       น้องหมาแมวสมาชิกแสนรักในครอบครัว ที่คุณเลี้ยงเอาไว้ในบ้าน สร้างปัญหากวนใจเรื่องสิ่งสกปรกให้คุณปวดขมับแต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อน้อง หมาแมวไม่สามารถทำความสะอาดร่องรอยเหล่านั้นด้วยตัวเองได้สะอาดหมดจดอย่า ให้เรื่องกวนใจเล็กน้อยมาทำให้ความรักของคุณกับสัตว์เลี้ยงน้อยลง my home มีเคล็ดลับทำความสะอาดบ้านผูกมิตรเจ้าของและสัตว์เลี้ยงมาฝากกันค่ะ
 

ขนสัตว์เลี้ยงบนเฟอร์นิเจอร์ (ขนสัตว์เลี้ยงมีไฟฟ้าสถิตทำให้เกาะติดพื้นผิวต่าง ๆ)

เฟอร์นิเจอร์ไม้

          พ่นน้ำยาขัดเงาเฟอร์นิเจอร์หรือสเปรย์กำจัดฝุ่นที่ป้องกันไฟฟ้าสถิต บนผ้าฝ้าย เช็ดบนเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ช่วยทำให้ขนสัตว์เลี้ยงหลุดออกได้ง่าย

เฟอร์นิเจอร์หุ้มเบาะหรือผ้าปูที่นอน

          สวมถุงมือยางที่เปียกน้ำหมาดๆ ถูไปมา บนพื้นผิว ขนสัตว์จะเกาะติดถุงมือออกมา

 
คราบและกลิ่นปัสสาวะ อุจจาระของสัตว์เลี้ยง

          ถ้าสัตว์เลี้ยงปล่อยของเสียออกมาใหม่ให้รีบทำความสะอาดด้วยกระดาษทิชชู ให้ได้มากที่สุดทันทีเพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งสกปรกกระจายเป็นวงกว้างและฝัง ลึกในพื้นผิว

          เช็ดด้วยน้ำเปล่า 1 ครั้ง จากนั้นใช้น้ำส้มสายชู 3 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำยาล้างจาน 1 ช้อนชาถูบริเวณรอยเปื้อนแล้วเช็ดด้วยน้ำเปล่าอีก ครั้งและเป่าลมให้แห้งในทันที ความเป็นกรดของน้ำส้มสายชูจะช่วยกำจัดกลิ่นสกปรก

 
          หรือเพิ่มความมั่นใจในการกำจัดกลิ่นด้วยการโรยผงเบกกิ้งโซดาบนพื้นผิวแล้ว ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ทำความสะอาดอีกครั้งแต่ต้องมั่นใจว่าไม่มีส่วนผสมของแอมโมเนียเพราะในปัสสาวะของน้องหมาแมวก็มี แอมโมเนียผสมอยู่ อาจทำให้เขาสับสนและกลับมาปัสสาวะซ้ำรอยเดิมอีกครั้ง


เรื่อง : อรพรรณ วัจนะเสถียรกุล
แหล่งที่มา  my home, http://home.kapook.com/view102358.html
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Monday, October 13, 2014

10 ของต้องห้ามภายในบ้าน ที่อาจทำอันตรายต่อสัตว์เลี้ยง




คนรักสัตว์คงเจอปัญหาไม่น้อยกับการที่สัตว์เลี้ยงของคุณซุกซนไปเรื่อยจนทำ ให้เกิดอันตรายต่าง ๆ เพราะสัตว์เลี้ยงก็เหมือนกับเด็กทั่วไป ที่อยากรู้ อยากเห็น อยากลอง แต่ไม่รู้ว่าสิ่งไหนภายในบ้านที่่เป็นอันตรายต่อตัวมัน และตัวคุณเองก็ไม่สามารถที่จะดูแลสัตว์เลี้ยงได้ตลอดเวลา ดังนั้นวันนี้กระปุกดอทคอมจึงจะมาบอกว่าสิ่งของภายในบ้านชนิดไหนบ้างที่จะทำ ให้เกิดอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงของคุณ และเป็นของต้องห้ามที่ควรเก็บไว้ให้ห่างจากสัตว์เลี้ยงจะดีกว่า

1. ยาสามัญประจำบ้าน

          สิ่งที่จะทำให้สัตว์เลี้ยงของคุณได้รับอันตราย ก็คือยาที่คุณอาจจะเผลอทำตกไว้ ทั้งน้องแมวหรือน้องหมาเองเมื่อเห็นยาที่คุณทำตกไว้พวกมันก็คงคิดว่า เป็นอาหารที่กินได้ จึงเผลอกินเข้าไปโดยไม่รู้ตัว และนี่เองก็อาจจะเป็นเหตุทำให้สัตว์เลี้ยงของคุณไม่สบายได้ ดังนั้นควรเก็บยาเหล่านี้ให้มิดชิดห่างไกลสัตว์เลี้ยงของคุณ เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากความประมาท

2. ขนมหวาน โดยเฉพาะช็อกโกแลต

          คุณเองอาจจะไม่รู้ว่าอาหารทั่วไปหรือขนมต่าง ๆ เช่น ช็อกโกแลต ที่เรากิน จะส่งผลอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงของเราได้ เพราะช็อกโกแลตมีสารเมทิลแซนทีน ที่จะทำให้เกิดอาการขาดน้ำในร่างกาย ถึงแม้อาหารหรือขนมที่เรากินเข้าไปจะไม่ทำอันตรายกับคนเท่าไร แต่ไม่แน่สิ่งเหล่านี้อาจจะไม่เป็นผลดีกับสัตว์เลี้ยงของคุณทำให้เกิดอาหาร เจ็บป่วยต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งทำให้ถึงตายได้เช่นกัน ดังนั้นจึงควรระวังเรื่องการให้อาหารของสัตว์เลี้ยงกันด้วย เช็กให้แน่ใจก่อนว่าอาหารประเภทไหนที่เหมาะกับสัตว์เลี้ยงจะปลอดภัยกว่านะคะ

 
3. ลูกอมหรือหมากฝรั่งดับกลิ่นปาก

          คงมีหลายคนไม่น้อยที่มีลูกอมดับกลิ่นปาก หรืออาจจะเป็นหมากฝรั่งต่าง ๆ ไว้ในบ้าน และไม่ว่าลูกอมหรือหมากฝรั่งดับกลิ่นปากจะมีประโยชน์ต่อคุณสักแค่ไหนก็ตาม สำหรับคุณ แต่ลูกอมเหล่านี้มีสารที่เป็นอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงที่จะทำให้ระบบน้ำตาลใน เส้นเลือดของสัตว์เลี้ยงได้รับความเสียหาย อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต ดังนั้นจึงควรเก็บลูกอมและหมากฝรั่งให้มิดชิด ให้ระวังอย่าเผลอไปทำร่วงหล่นตามพื้นจนสัตว์เลี้ยงเก็บไปกินได้

4. ดอกไม้ต่าง ๆ

          คุณอาจจะเป็นคนที่รักดอกไม้ และชอบเอานำดอกไม้มาประดับไว้ในบ้าน แต่ให้ระวังว่าดอกไม้บางชนิด เช่น ดอกลิลลี่ ที่จะปล่อยสารพิษออกมาและเป็นอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงในบ้าน เพราะดอกลิลลี่มีสารบางชนิดที่สัตว์เลี้ยงอยู่ใกล้แล้วจะทำให้ระบบไตภายใน ร่างกายล้มเหลวได้ ดอกลิลลี่นี้อาจไม่ส่งผลเสียแค่สัตว์เลี้ยงเพียงอย่างเดียว แต่อาจจะส่งผลเสียกับคนในบ้านด้วยเช่นกัน เพราะบางคนอาจจะแพ้ดอกไม้ชนิดนี้ก็เป็นได้ ดังนั้นควรระวังในการเลือกดอกไม้มาแต่งบ้านด้วยนะคะ

5. ใช้ยากำจัดเห็บหมัดที่ไม่เหมาะกับสัตว์เลี้ยง

          การเลือกใช้ยากำจัดเห็บหรือหมัด ควรศึกษาก่อนที่จะนำมาใช้กับสัตว์เลี้ยงของคุณ เพราะถ้านำมาใช้กับสัตว์เลี้ยงโดยไม่ศึกษาให้ดี อาจทำให้เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ เนื่องจากสัตว์เลี้ยงไม่ว่าจะเป็น สุนัข หรือแมว มีร่างกายที่ไม่เหมือนกัน และแต่ละชนิดก็มีต่างสายพันธุ์ ดังนั้นควรปรึกษาสัตวแพทย์ดูว่าควรเลือกใช้ยากำจัดเห็บหมัดชนิดไหนที่จะ เหมาะสมกับสัตว์เลี้ยงแต่ละชนิด

6. อุปกรณ์ทำความสะอาด

          อุปกรณ์ทำความสะอาด ไม่ว่าจะเป็น น้ำยาซักผ้า น้ำยาล้างห้องน้ำ หรือแม้กระทั่งไม้ถูพื้น ก็ส่งผลอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงของคุณได้เช่นกัน เช่น ไม้ถูพื้นควรวางให้เป็นที่เป็นทางดี ๆ เพราะคุณไม่รู้ว่า น้องหมา น้องแมวของคุณจะซุกซนแค่ไหน ไปกัดไม่ถูพื้นที่มีสารตกค้างจากน้ำยาทำความสะอาดต่าง ๆ เล่นหรือไม่ ซึ่งนี่อาจจะทำให้สัตว์เลี้ยงของคุณเป็นอันตรายต่อชีวิต ดังนั้นควรเก็บอุปกรณ์เหล่านี้ไว้ในตู้ให้มิดชิดค่ะ

 
7. หนูบ้านเจ้าปัญหา

          หนูบ้านเจ้าปัญหานี่เองที่จะทำให้สัตว์เลี้ยงภายในบ้านได้รับอันตราย เพราะเวลาที่น้องหมาหรือน้องแมวของคุณเห็นหนูตัวจี๊ดวิ่งไปวิ่งมา แน่นอนว่าพวกมันต้องการจับให้ได้ ซึ่งอาจจะทำให้มันวิ่งชนของภายในบ้านจนได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นจึงควรดูแลทำความสะอาดบ้านให้ดีเพื่อป้องกันไม่ให้มีหนูในบ้านจนส่ง ผลกระทบถึงสัตว์เลี้ยงของเราดีกว่า

8. สนามหญ้า

          สนามหญ้าหน้าบ้าน สถานที่โปรดสำหรับสัตว์เลี้ยงนี่แหละ เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้สัตว์เลี้ยงของคุณได้รับอันตราย เพราะว่าบางบ้านดูแลสนามหญ้าด้วยการใช้สารเคมีกำจัดวัชพืช และสารเหล่านี้เองที่จะทำให้สัตว์เลี้ยงของคุณได้รับอันตรายไปด้วย ดังนั้นทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีเหล่านี้ และใช้เครื่องตัดหญ้าแทนจะได้ไม่เป็นอันตรายต่อสัตว์เลี้ยง แถมยังเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

9. สีทาบ้าน

          สำหรับบ้านไหนที่เพิ่งย้ายเข้าบ้านใหม่ หรืออยากจะปรับปรุงบ้าน ก็ควรระวังเรื่องสีทาบ้านให้ดี เพราะสารเคมีจากสีทาบ้านจะส่งผลอันตรายให้กับคุณและสัตว์เลี้ยง เนื่องจากสัตว์เลี้ยงไม่สามารถรู้ได้เลยว่า สีทาบ้านเหล่านี้จะก่อให้เกิดอันตรายกับตัวเอง ดังนั้นเมื่อใช้สีทาบ้านเสร็จแล้ว หรือไม่ได้ใช้แล้ว ควรปิดฝาและเก็บไว้เป็นที่เป็นทาง ไม่ให้สัตว์เลี้ยงของคุณมาดมกลิ่นได้

 
10. กำไลเรืองแสง

          เจ้าของสัตว์เลี้ยงบางคนอาจจะไม่คิดว่า กำไลเรืองแสงจะส่งผลอันตรายให้กับสัตว์เลี้ยงของคุณ บางครั้งคุณอาจจะไปปาร์ตี้กับเพื่อนแล้วได้กำไลเรืองแสงกลับมาโดยที่ไม่รู้ ว่าจะส่งผลอันตรายต่อสัตว์เลี้ยง ซึ่งคุณจะสังเกตได้ว่าข้างในกำไลมีสารที่ทำให้ส่องแสงอยู่ และสารนี้แหละที่จะทำอันตรายอย่างคาดไม่ถึง ดังนั้นเมื่อเห็นสัตว์เลี้ยงกัดกำไลเล่นก็ควรรีบนำออกจากปากทันที

          นอกจากสิ่งของเหล่านี้ที่จะทำอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงของคุณแล้ว คุณควรเก็บสิ่งของวางไว้ให้เป็นที่เป็นทางให้ห่างจากสัตว์เลี้ยง นอกจากนั้นการดูแลเอาใจใส่สัตว์เลี้ยงก็ถือเป็นสิ่งสำคัญ และถ้าพบว่าสัตว์เลี้ยงมีอาการผิดปกติก็ควรนำไปพบสัตวแพทย์ค่ะ

ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต