เพราะลูกสุนัขที่เพิ่งเกิดใหม่ยังไม่สามารถช่วยเหลือ ตัวเองได้ในเรื่องอาหารการกิน
ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของเจ้าของที่ต้องไปเสาะแสวงหาความรู้ กลวิธีในการให้อาหารแก่ลูกสุนัขตัวน้อยว่าควรกินอะไร
และนี่คือ 5 คำถามคาใจเกี่ยวกับหลักการกินอาหารของลูกสุนัขที่หลายคนสงสัยใคร่รู้...
1. โภชนาการที่ดีและเหมาะสมสำหรับลูกสุนัข ควรเป็นอย่างไร?
ตอบ : ในสุนัขแรกเกิดมีความแตกต่างจากสุนัขโตเต็มวัยหลายประการ ได้แก่ อุณหภูมิร่างกายต่ำ การทำงานของอวัยวะยังไม่สมบูรณ์ ภาวะภูมิคุ้มกันที่ยังไม่พัฒนาเต็มที่ ดังนั้น สุนัขควรได้รับอาหารที่ถูกต้องและเพียงพอต่อความต้องการ เพื่อนำไปใช้ในการเจริญเติบโตของกระดูกและกล้ามเนื้อ การขาดอาหารในลูกสุนัขจะทำให้ลูกสุนัขไม่แข็งแรงและอาจจะมีปัญหาสุขภาพตามมาในอนาคต
หากเป็นสุนัขที่คลอดได้เอง แม่สุนัขมักเลี้ยงลูกเองและไม่ต้องการให้คนเข้าไปยุ่ง ลูกสุนัขจะได้รับการดูแลจากแม่สุนัขอย่างดี ได้ดูดนมน้ำเหลือง (24-48 ชั่วโมงหลังคลอด) จะได้รับภูมิคุ้มกันโรคจากแม่มาด้วย ทำให้มีความทนทานต่อโรคมากกว่าลูกสุนัขกำพร้า โดยลูกสุนัขจะกินนมอย่างเดียวทุก 1-2 ชั่วโมง ระหว่างกินนั้น แม่สุนัขจะเลียลูกน้อยเพื่อกระตุ้นระบบขับถ่ายไปด้วย หลังกินอิ่มลูกสุนัขจะนอนหลับ หากลูกสุนัขร้องและคลานไปมาแสดงว่ากินไม่อิ่ม เจ้าของเองสามารถเข้าไปช่วยจับให้ลูกสุนัขดูดนมแม่ และต้องกันตัวอื่นๆ แยกออกมาก่อน
สำหรับลูกสุนัขกำพร้า (ไม่มีแม่สุนัขหรือแม่ไม่เลี้ยง) ในช่วง 3-4 สัปดาห์แรก ควรให้กินเฉพาะนมสำหรับสุนัขเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งเจ้าของอาจต้องป้อนนมทุกๆ 2 ชั่วโมง โดยในแต่ละครั้งควรให้ในปริมาณไม่มากหรือน้อยเกินไป (ควรปรึกษาสัตวแพทย์เนื่องจากต้องพิจารณาจากน้ำหนักแ ละอายุ) สิ่งที่ควรระวังจากการป้อนนมนั้น ก็คือการสำลักนม ซึ่งสามารถเกิดได้ง่ายในลูกสุนัขที่ไม่แข็งแรง เนื่องจากการป้อนนมมากหรือเร็วเกินไป นมที่ป้อนอาจจะตกลงไปในหลอดลม ส่วนการกระตุ้นการขับถ่ายควรทำทุกครั้งหลังป้อนนม ซึ่งปกติอุจจาระของลูกสุนัขจะมีลักษณะเป็นก้อน สีเหลืองอมขาว ปัสสาวะควรเป็นสีใสหรือสีเหลืองใส
2. ลูกสุนัขควรกินอาหารอะไร ในปริมาณขนาดไหน และบ่อยเท่าไหร่?
ตอบ : ลูกสุนัขยังไม่หย่านม สำหรับลูกกำพร้าให้หานมสำหรับสุนัขมาทดแทน ถ้าลูกสุนัขยังไม่แข็งแรงในสัปดาห์แรกอาจจะเสริมด้วย กลูโคส หรือน้ำตับดิบ (Rawliver juice) ครั้งละ 2 - 3 CC หรืออาจจะให้วิตามินเสริม
ลูกสุนัขหย่านม เริ่มให้อาหารอ่อน บดละเอียด อุดมด้วยแคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินดี ตั้งแต่อายุ 3 สัปดาห์ เป็นต้นไป โดยปกติลูกสุนัขจะหย่านมที่ประมาณ 6 - 7 สัปดาห์ ทั้งนี้ ชนิด ปริมาณ และความถี่ในการให้อาหารขึ้นอยู่กับอายุลูกสุนัข
ช่วงที่มีการเจริญเติบโต อาหารอ่อนย่อยง่าย อาหารสำเร็จรูปสำหรับลูกสุนัข ที่มีระดับแคลเซียมไม่เกิน 1.8% และฟอสฟอรัสไม่เกิน 1.6%
3. สารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายของลูกสุนัขมีอะไรบ้าง
ตอบ : การเสริมด้วยวิตามิน แร่ธาตุ โปรตีน ในลูกสุนัขที่กำลังเติบโตเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น โดยเฉพาะลูกสุนัขที่กินอาหารสำเร็จรูปเนื่องจากมีสารอาหารที่เหมาะสมอยู่แล้ว
นอกจากนี้ อย่าเป็นกังวลจนมากเกินไปนักหากลูกสุนัขไม่กินอาหารเลย หรือไม่กินอะไรเลยทั้งวัน เรื่องเช่นนี้สามารถเกิดขึ้นได้ง่ายในตอนแรกๆ เดี๋ยวพอวันรุ่งขึ้นเขาก็เป็นปกติเอง อย่างไรก็ตาม หากเขามีอาการท้องเสีย อาเจียน หรืออาการเซื่องซึมประกอบด้วย ให้คุณรีบพาเขาไปพบสัตวแพทย์เสีย อาการอย่างนี้เป็นสัญญาณของโรคที่ไม่ธรรมดาเลย โดยเฉพาะเมื่อเกิดกับลูกสุนัข
4. สำหรับอาหารสำเร็จรูปอย่างอาหารเม็ด หรืออาหารกระป๋อง มีวิธีการเลือกอย่างไร
ตอบ : โดยทั่วไปแล้วอาหารเม็ดจะมีปริมาณน้ำและความชื้นน้อย ดังนั้น สุนัขควรมีน้ำตั้งไว้ตลอดเวลา แต่อาหารกระป๋องหรืออาหารเปียกจะมีปริมาณน้ำที่มากกว่า จะมีกลิ่นที่น่ากิน สุนัขจึงชอบกินอาหารเปียกมากกว่า แต่ถ้ากินนานๆ ไปเมื่ออายุมากขึ้นอาจจะมีปัญหาคราบหินปูน เนื่องจากไม่มีการกัดแทะของฟัน
5. อาหารต้องห้ามสำหรับลูกสุนัขที่ควรหลีกเลี่ยง
ตอบ : มีผู้เลี้ยงบางกลุ่มนิยมให้อาหารสุนัขตามแต่ความต้องการของตัวเอง โดยผู้เลี้ยงเข้าใจผิดว่า สุนัขมีความต้องการ และความสามารถในการกินได้เช่นเดียวกับคน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นความคิดที่ผิด อาหารที่คุณให้อาจย้อนกลับมาทำอันตรายถึงชีวิตแก่สุนัขแสนรักของคุณได้ มีอาหารต้องห้าม 3 อย่างของสุนัข ที่ผู้เลี้ยงควรหลีกเลี่ยงไม่นำมาให้สุนัขกิน ได้แก่
อาหารที่แข็งเกินไป เช่น กระดูกไก่ หากไม่จำเป็นคุณไม่ควรให้กระดูกไก่ ปลา ให้เจ้าสุนัขของคุณกินโดยเด็ดขาด แม้ว่าเจ้าสุนัขของคุณจะชื่นชอบอาหารเหล่านี้เพียงใด เพราะกระดูกไก่ ก้างปลา อาจแตกหักระหว่างที่สุนัขขบเคี้ยว สร้างมุมแหลม และความแหลมนี่เองอาจทิ่มแทงทำอันตรายสุนัขของคุณได้ ผู้เลี้ยงหลายคนให้เหตุผลในการให้อาหารเหล่านี้แก่สุนัขว่า ต้องการให้แคลเซียมแก่สุนัข ซึ่งความจริงแล้วผู้เลี้ยงสามารถให้เม็ดแคลเซียม หรือนมอุ่นๆ แก่สุนัขแทนได้
หัวหอมและกระเทียม ไม่ควรให้สุนัขรับประทานในปริมาณมาก เพราะหัวหอมและกระเทียมมีส่วนประกอบของกำมะถันอยู่มาก เพราะฉะนั้นไม่เหมาะแก่การผสมในอาหารให้กับเจ้าตูบ เนื่องจากว่าสารกำมะถันนี้จะทำลายเซลล์เม็ดเลือดแดงของสุนัข จะทำให้โรคโลหิตจาง และโรคเลือดไหลไม่หยุดได้
ช็อกโกแลต หลายคนเคยให้ช็อกโกแลตกับสัตว์เลี้ยงของท่าน โดยไม่รู้ว่าช็อกโกแลตเหล่านี้ส่งผลร้ายต่อสุนัข สาเหตุเพราะช็อกโกแลตมีส่วนประกอบของสารชนิดหนึ่งชื่อว่า Theobromine ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับสารพวก Caffeine (ซึ่งมีในพวกกาแฟ โกโก้) สาร Theobromine นี้เมื่ออยู่ในร่างกายมันจะมีฤทธิ์หลายอย่าง แต่ที่เห็นเด่นๆ ชัด คือ จะกระตุ้นให้มีการหลั่งสารที่เรียกกันว่า Adrenaline ซึ่งสารตัวนี้จะมีผลทำให้หัวใจเต้นเร็ว เหงื่อออกมาก ถ้ากินมากๆ อาจถึงขั้นเป็นพิษได้จะทำให้เกิดอาการอาเจียน ท้องเสีย หายใจถี่ ฉี่บ่อย กระวนกระวาย และในที่สุดก็ถึงตายได้
1. โภชนาการที่ดีและเหมาะสมสำหรับลูกสุนัข ควรเป็นอย่างไร?
ตอบ : ในสุนัขแรกเกิดมีความแตกต่างจากสุนัขโตเต็มวัยหลายประการ ได้แก่ อุณหภูมิร่างกายต่ำ การทำงานของอวัยวะยังไม่สมบูรณ์ ภาวะภูมิคุ้มกันที่ยังไม่พัฒนาเต็มที่ ดังนั้น สุนัขควรได้รับอาหารที่ถูกต้องและเพียงพอต่อความต้องการ เพื่อนำไปใช้ในการเจริญเติบโตของกระดูกและกล้ามเนื้อ การขาดอาหารในลูกสุนัขจะทำให้ลูกสุนัขไม่แข็งแรงและอาจจะมีปัญหาสุขภาพตามมาในอนาคต
หากเป็นสุนัขที่คลอดได้เอง แม่สุนัขมักเลี้ยงลูกเองและไม่ต้องการให้คนเข้าไปยุ่ง ลูกสุนัขจะได้รับการดูแลจากแม่สุนัขอย่างดี ได้ดูดนมน้ำเหลือง (24-48 ชั่วโมงหลังคลอด) จะได้รับภูมิคุ้มกันโรคจากแม่มาด้วย ทำให้มีความทนทานต่อโรคมากกว่าลูกสุนัขกำพร้า โดยลูกสุนัขจะกินนมอย่างเดียวทุก 1-2 ชั่วโมง ระหว่างกินนั้น แม่สุนัขจะเลียลูกน้อยเพื่อกระตุ้นระบบขับถ่ายไปด้วย หลังกินอิ่มลูกสุนัขจะนอนหลับ หากลูกสุนัขร้องและคลานไปมาแสดงว่ากินไม่อิ่ม เจ้าของเองสามารถเข้าไปช่วยจับให้ลูกสุนัขดูดนมแม่ และต้องกันตัวอื่นๆ แยกออกมาก่อน
สำหรับลูกสุนัขกำพร้า (ไม่มีแม่สุนัขหรือแม่ไม่เลี้ยง) ในช่วง 3-4 สัปดาห์แรก ควรให้กินเฉพาะนมสำหรับสุนัขเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งเจ้าของอาจต้องป้อนนมทุกๆ 2 ชั่วโมง โดยในแต่ละครั้งควรให้ในปริมาณไม่มากหรือน้อยเกินไป (ควรปรึกษาสัตวแพทย์เนื่องจากต้องพิจารณาจากน้ำหนักแ ละอายุ) สิ่งที่ควรระวังจากการป้อนนมนั้น ก็คือการสำลักนม ซึ่งสามารถเกิดได้ง่ายในลูกสุนัขที่ไม่แข็งแรง เนื่องจากการป้อนนมมากหรือเร็วเกินไป นมที่ป้อนอาจจะตกลงไปในหลอดลม ส่วนการกระตุ้นการขับถ่ายควรทำทุกครั้งหลังป้อนนม ซึ่งปกติอุจจาระของลูกสุนัขจะมีลักษณะเป็นก้อน สีเหลืองอมขาว ปัสสาวะควรเป็นสีใสหรือสีเหลืองใส
2. ลูกสุนัขควรกินอาหารอะไร ในปริมาณขนาดไหน และบ่อยเท่าไหร่?
ตอบ : ลูกสุนัขยังไม่หย่านม สำหรับลูกกำพร้าให้หานมสำหรับสุนัขมาทดแทน ถ้าลูกสุนัขยังไม่แข็งแรงในสัปดาห์แรกอาจจะเสริมด้วย กลูโคส หรือน้ำตับดิบ (Rawliver juice) ครั้งละ 2 - 3 CC หรืออาจจะให้วิตามินเสริม
ลูกสุนัขหย่านม เริ่มให้อาหารอ่อน บดละเอียด อุดมด้วยแคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินดี ตั้งแต่อายุ 3 สัปดาห์ เป็นต้นไป โดยปกติลูกสุนัขจะหย่านมที่ประมาณ 6 - 7 สัปดาห์ ทั้งนี้ ชนิด ปริมาณ และความถี่ในการให้อาหารขึ้นอยู่กับอายุลูกสุนัข
ช่วงที่มีการเจริญเติบโต อาหารอ่อนย่อยง่าย อาหารสำเร็จรูปสำหรับลูกสุนัข ที่มีระดับแคลเซียมไม่เกิน 1.8% และฟอสฟอรัสไม่เกิน 1.6%
3. สารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายของลูกสุนัขมีอะไรบ้าง
ตอบ : การเสริมด้วยวิตามิน แร่ธาตุ โปรตีน ในลูกสุนัขที่กำลังเติบโตเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น โดยเฉพาะลูกสุนัขที่กินอาหารสำเร็จรูปเนื่องจากมีสารอาหารที่เหมาะสมอยู่แล้ว
นอกจากนี้ อย่าเป็นกังวลจนมากเกินไปนักหากลูกสุนัขไม่กินอาหารเลย หรือไม่กินอะไรเลยทั้งวัน เรื่องเช่นนี้สามารถเกิดขึ้นได้ง่ายในตอนแรกๆ เดี๋ยวพอวันรุ่งขึ้นเขาก็เป็นปกติเอง อย่างไรก็ตาม หากเขามีอาการท้องเสีย อาเจียน หรืออาการเซื่องซึมประกอบด้วย ให้คุณรีบพาเขาไปพบสัตวแพทย์เสีย อาการอย่างนี้เป็นสัญญาณของโรคที่ไม่ธรรมดาเลย โดยเฉพาะเมื่อเกิดกับลูกสุนัข
4. สำหรับอาหารสำเร็จรูปอย่างอาหารเม็ด หรืออาหารกระป๋อง มีวิธีการเลือกอย่างไร
ตอบ : โดยทั่วไปแล้วอาหารเม็ดจะมีปริมาณน้ำและความชื้นน้อย ดังนั้น สุนัขควรมีน้ำตั้งไว้ตลอดเวลา แต่อาหารกระป๋องหรืออาหารเปียกจะมีปริมาณน้ำที่มากกว่า จะมีกลิ่นที่น่ากิน สุนัขจึงชอบกินอาหารเปียกมากกว่า แต่ถ้ากินนานๆ ไปเมื่ออายุมากขึ้นอาจจะมีปัญหาคราบหินปูน เนื่องจากไม่มีการกัดแทะของฟัน
5. อาหารต้องห้ามสำหรับลูกสุนัขที่ควรหลีกเลี่ยง
ตอบ : มีผู้เลี้ยงบางกลุ่มนิยมให้อาหารสุนัขตามแต่ความต้องการของตัวเอง โดยผู้เลี้ยงเข้าใจผิดว่า สุนัขมีความต้องการ และความสามารถในการกินได้เช่นเดียวกับคน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นความคิดที่ผิด อาหารที่คุณให้อาจย้อนกลับมาทำอันตรายถึงชีวิตแก่สุนัขแสนรักของคุณได้ มีอาหารต้องห้าม 3 อย่างของสุนัข ที่ผู้เลี้ยงควรหลีกเลี่ยงไม่นำมาให้สุนัขกิน ได้แก่
อาหารที่แข็งเกินไป เช่น กระดูกไก่ หากไม่จำเป็นคุณไม่ควรให้กระดูกไก่ ปลา ให้เจ้าสุนัขของคุณกินโดยเด็ดขาด แม้ว่าเจ้าสุนัขของคุณจะชื่นชอบอาหารเหล่านี้เพียงใด เพราะกระดูกไก่ ก้างปลา อาจแตกหักระหว่างที่สุนัขขบเคี้ยว สร้างมุมแหลม และความแหลมนี่เองอาจทิ่มแทงทำอันตรายสุนัขของคุณได้ ผู้เลี้ยงหลายคนให้เหตุผลในการให้อาหารเหล่านี้แก่สุนัขว่า ต้องการให้แคลเซียมแก่สุนัข ซึ่งความจริงแล้วผู้เลี้ยงสามารถให้เม็ดแคลเซียม หรือนมอุ่นๆ แก่สุนัขแทนได้
หัวหอมและกระเทียม ไม่ควรให้สุนัขรับประทานในปริมาณมาก เพราะหัวหอมและกระเทียมมีส่วนประกอบของกำมะถันอยู่มาก เพราะฉะนั้นไม่เหมาะแก่การผสมในอาหารให้กับเจ้าตูบ เนื่องจากว่าสารกำมะถันนี้จะทำลายเซลล์เม็ดเลือดแดงของสุนัข จะทำให้โรคโลหิตจาง และโรคเลือดไหลไม่หยุดได้
ช็อกโกแลต หลายคนเคยให้ช็อกโกแลตกับสัตว์เลี้ยงของท่าน โดยไม่รู้ว่าช็อกโกแลตเหล่านี้ส่งผลร้ายต่อสุนัข สาเหตุเพราะช็อกโกแลตมีส่วนประกอบของสารชนิดหนึ่งชื่อว่า Theobromine ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับสารพวก Caffeine (ซึ่งมีในพวกกาแฟ โกโก้) สาร Theobromine นี้เมื่ออยู่ในร่างกายมันจะมีฤทธิ์หลายอย่าง แต่ที่เห็นเด่นๆ ชัด คือ จะกระตุ้นให้มีการหลั่งสารที่เรียกกันว่า Adrenaline ซึ่งสารตัวนี้จะมีผลทำให้หัวใจเต้นเร็ว เหงื่อออกมาก ถ้ากินมากๆ อาจถึงขั้นเป็นพิษได้จะทำให้เกิดอาการอาเจียน ท้องเสีย หายใจถี่ ฉี่บ่อย กระวนกระวาย และในที่สุดก็ถึงตายได้
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
No comments:
Post a Comment