Tuesday, March 3, 2015

น้องหมารู้ด้วยนะ ว่าคนไหนไว้ใจไม่ได้




         ผลวิจัยญี่ปุ่นทำเอาอึ้ง ! เมื่อพบว่าน้องหมาสามารถแยกแยะความน่าเชื่อถือของคนได้ แถมยังดื้อใส่ทันที ที่มีเซ้นส์ว่าคนนี้เชื่อถือไม่ได้ชัวร์ ๆ ด้วยนะ

          แม้สุนัขจะดูเปิ่น ๆ เหมือนเด็กที่ไม่รู้ประสีประสา แต่เบื้องหลังใบหน้าซื่อ ๆ นี้กลับมีความเฉลียวฉลาดในหลาย ๆ เรื่อง โดยหนึ่งในเรื่องที่งานวิจัยหลาย ๆ ชิ้นระบุไว้ตรงกันก็คือ สุนัขสามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างใบหน้าของคนที่มีความสุข โกรธ หรือแม้กระทั่งอยู่ในห้วงอารมณ์หึงหวงได้ และล่าสุดวารสาร แอนิมอล คอกนิชั่น (Animal Cognition) รายงานผลการวิจัยจาก มหาวิทยาลัยเกียวโต ในญี่ปุ่น ซึ่งนำทีมวิจัยโดย อากิโกะ ทาคาโอกะ ซึ่งบอกว่า "สุนัขสามารถสัมผัสได้ว่า คนไหนที่ไว้ใจไม่ได้"

 
          โดยจากการให้สุนัขทดลองจำนวน 34 ตัว ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้ทดลองทั้งหมด 3 ครั้ง ครั้งแรกให้ผู้ทดลองชี้ไปยังจุดที่มีอาหารซ่อนอยู่ในคอนเทนเนอร์ ส่วนครั้งที่ 2 ก็ชี้ไปที่จุดเดิมแต่ไม่มีอาหาร และครั้งสุดท้ายก็ทำแบบเดียวกับรอบแรก ผลปรากฏว่าสุนัขไม่มีการตอบสนองใด ๆ ในรอบสุดท้าย เพราะสุนัขใช้ประสบการณ์ในการตัดสินความน่าเชื่อถือของคนแต่ละคน เพราะเมื่อลองทดสอบรอบใหม่ด้วยวิธีการเดิม แต่เปลี่ยนผู้ทดลอง สุนัขก็ยอมทำตามคำสั่งด้วยความกระตือรือร้น

 
          จากการทดลองในครั้งนี้ทำให้ทาคาโอกะรู้สึกประหลาดใจมาก ว่าสุนัขสามารถลดความน่าเชื่อของคนคนหนึ่งได้อย่างรวดเร็ว และสุนัขเป็นสัตว์ที่มีความฉลาดในการเข้าสังคมมากกว่าที่คนคิด โดยค่อย ๆ พัฒนามาจากประสบการณ์ในอดีตที่มีความเกี่ยวข้องกับคน

          นอกจากนี้ จอห์น แบรดชอว์ จากมหาวิทยาลัยบริสตอล ในอังกฤษ บอกด้วยว่า งานวิจัยดังกล่าวทำให้เห็นอีกว่า สุนัขเป็นสัตว์ที่ชอบเหตุการณ์ที่คาดเดาได้ หากมีอะไรที่ผิดแผกไปจากเดิมก็จะทำสิ่งอื่นแทน พร้อมกับเกิดอาการก้าวร้าว หวาดกลัว หรือเคร่งเครียด ที่สำคัญเจ้าของสุนัขที่ปฏิบัติกับสุนัขไม่สม่ำเสมอ เป็นสาเหตุที่ทำให้สุนัขไม่เชื่องด้วย


          อีกทั้งจากการวิจัยยังทำให้รู้ว่า สุนัขฉลาดกว่าที่คนคิด แต่ความฉลาดของสุนัขค่อนข้างแตกต่างจากคน โดยสุนัขจะตัดสินจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ไม่ได้มองย้อนกลับไปในอดีต มองเผื่ออนาคต หรือคิดลึกซึ้งถึงรายละเอียดยิบย่อย และใช้ข้อมูลที่ได้บนพื้นฐานของความเชื่อใจ ในการช่วยเหลือภารกิจต่าง ๆ ให้ลุล่วงนั่นเอง

แหล่งที่มา  http://pet.kapook.com/view113228.html
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

No comments:

Post a Comment