คำถามเช่นนี้น่าจะถูกใจกับหลายๆท่าน
เพราะนำมาจากคำถามที่ท่านเจ้าของสุนัขมักถามไถ่อยู่เสมอ
ซึ่งแต่ละคนต่างก็มีแนวคิดเพื่อแก้ปัญหา “สุนัขดุ” แตกต่างกันไป ฉะนั้นเพื่อเป็นแนวทางในการแก้ปัญหา
หรือเผชิญปัญหาสุนัขดุอย่างเบื้องต้น จึงขอให้ข้อคิดในการดำเนินการดังต่อไปนี้
หรือเผชิญปัญหาสุนัขดุอย่างเบื้องต้น จึงขอให้ข้อคิดในการดำเนินการดังต่อไปนี้
1. อย่าลงไม้ลงมือ
การใช้กำลังไม่ช่วยให้สุนัขหายดุได้ กลับจะยิ่งทำให้สุนัขตัวนั้นดุขึ้น
2. ลองพินิจพิเคราะห์หาสาเหตุของความดุ ท่านจงนั่งคิดไตร่ตรองถึงสาเหตุอันทำให้สุนัขของท่านดุร้ายขึ้น เช่น การถูกทารุณกรรม เด็กแหย่ หรือดุเพราะความหึงหวงตัวเมีย หึงเจ้าของ ฯลฯ ทั้งนี้เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการแก้ปัญหา
2. ลองพินิจพิเคราะห์หาสาเหตุของความดุ ท่านจงนั่งคิดไตร่ตรองถึงสาเหตุอันทำให้สุนัขของท่านดุร้ายขึ้น เช่น การถูกทารุณกรรม เด็กแหย่ หรือดุเพราะความหึงหวงตัวเมีย หึงเจ้าของ ฯลฯ ทั้งนี้เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการแก้ปัญหา
3. อย่าผลักไสหรือไม่สุงสิง
การที่สุนัขยิ่งดุแล้วเจ้าของหรือคนในบ้านยิ่งหนีห่าง แบ่งแยก กักกัน
สุนัขจะยิ่งคิดว่า คนในบ้านเป็นคนแปลกหน้ามากขึ้น ความสัมพันธ์ยำเกรงย่อมลดลงไป เจอหน้าครั้งใดเป็นได้เรื่องแน่
ฉะนั้นถ้าสุนัขของท่านเริ่มดุ ท่านยิ่งต้องเข้าหา (แต่ด้วยความระมัดระวังนะครับ)
4. อย่าผลักความรับผิดชอบไปให้ผู้อื่น
ส่วนมากพบว่าผู้ที่มีปัญหาสุนัขดุ มักตัดช่องน้อยเอาตัวรอด คือ เอาไปปล่อยวัดหรือที่ที่ห่างไกลจากบ้าน
พระสงฆ์องค์เจ้า ชาวบ้านเขาจะเดือดร้อนจากสุนัขที่ท่านนำไปปล่อยนะครับ
5. ปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อหาทางแก้ไข
การรักษาสุนัขดุในทางการสัตวแพทย์แล้ว สามารถกระทำได้ด้วยวิธีต่างๆ เช่น การทำหมัน
เพื่อลดฮอร์โมนเพศโดยเฉพาะเพศผู้ อันเป็นเหตุหนึ่งที่สร้างความก้าวร้าวของสุนัข หรือการให้ฮอร์โมนเพศเมีย
สุนัขก็อาจลดความดุลงได้ การปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อม เพื่อลดสิ่งเร้าหรือสิ่งกระตุ้นที่ทำให้สุนัขแสดงอาการดุร้าย
เมื่อพยายามทุกวิถีทางแล้วไม่เป็นผล
สภาพการณ์ดูจะรุนแรงและเป็นอันตรายต่อผู้คนมากขึ้น ทางออกสุดท้ายที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้คือ
การทำเมตตาฆาต ด้วยวิธีที่ถูกต้องเหมาะสมตามหลักวิชาและมนุษยธรรม
ฉะนั้นทางที่ดีก่อนเลี้ยงสุนัข ควรศึกษาถึงวิธีเลือกและวิธีเลี้ยงเพื่อไม่ให้ต้องเกิดเหตุมิพึงปรารถนาตามมาภายหลัง...
ที่มา...นิตยสาร”สัตว์เลี้ยง“, http://pipekemon.tripod.com
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
No comments:
Post a Comment