ใน ปัจจุบันผู้เลี้ยงสุนัขและแมวมักนิยมที่จะเลี้ยงสัตว์ของตัวเองด้วยอาหาร สำเร็จรูป เพราะมีความสะดวก น่ากินอีกทั้งยังมีสารอาหารจำเป็นครบถ้วน แต่การเลือกชนิดของอาหารสำเร็จรูปผิดสูตร ผิดเวลาและผิดขนาดอาจส่งผลเสียต่อการเจริญเติบโตในสัตว์เลี้ยง ถ้าท่านไม่มีความรู้และความเอาใจใส่ในเรื่องนี้อย่างถูกต้อง
โรคอ้วน
เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่พบบ่อยในสุนัขและแมว
โดยเฉพาะในขณะช่วงอายุกลางวัยจะพบมากกว่าในช่วงเด็กหรือช่วงแก่
ความอ้วนคืออะไรและเกิดจากอะไร
ความอ้วนคือภาวะที่ร่างกายมีการสะสมของไขมันที่เนื้อเยื่อไขมันมากเกินไป
ทำให้มีน้ำหนักตัวเพิ่มมากกว่าน้ำหนักปกติ 15-20%
นอกจากนี้ความอ้วนทำให้มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคกระดูกและข้อต่างๆ เป็นต้น
ปัญหาพื้นฐานของความอ้วน
มี 2 แบบ คือ
๑
การเพิ่มขนาดเซลไขมันในร่างกาย ( Hypertropic Obesity )
๒ การเพิ่มทั้งขนาดเซลและจำนวนของเซลไขมันในร่างกาย ( Hyperplastic Obesity)
๒ การเพิ่มทั้งขนาดเซลและจำนวนของเซลไขมันในร่างกาย ( Hyperplastic Obesity)
ความอ้วนในสัตว์ที่เกิดจากสาเหตุ
Hyperplastic
Obesity จะเป็นการยากที่จะแก้ไขและมักเป็นปัญหาในระยะยาวต่อไป ดังนั้นในสัตว์ที่ได้รับอาหารมากเกินไป
จะมีผลเพิ่มขนาดของเซลไขมันแต่จะไม่เพิ่มจำนวนเซล ดังนั้นการแก้ไขสูตรอาหารที่ให้กินจึงสามารถปรับลดน้ำหนักตัวได้
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้อ้วน
๑
ปัจจัยภายในร่างกาย ได้แก่อายุ เพศ ภาวะของระบบสืบพันธุ์ ความมีอยู่หรือความผิดปกติของระดับฮอร์โมนในร่างกาย
หรือความผิดปกติของต่อมใต้สมอง หรือภาวะทางพันธุกรรม
๒ ปัจจัยภายนอก ได้แก่ อิทธิพลในการกินอาหาร ส่วนประกอบของอาหารที่กินอยู่ อาหารที่กินอยู่มีความน่าจะกินสูง กิจวัตรประจำวันของสัตว์ตัวนั้น
ส่วนมากแล้วปัจจัยที่ทำให้เกิดความอ้วน คือ การที่เจ้าของให้สัตว์กินอาหารมากเกินไป การขาดการออกกำลังกาย หรือทั้งสองอย่าง
ในส่วนของปัจจัยที่ทำให้อ้วนจากสาเหตุภายในร่างกาย
เช่น
• การลดลงของการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย ( Resting Metabolic Rate, RMR)
• ความผิดปกติของต่อมไร้ท่อทำให้เกิดภาวะของ Hypothyroidism หรือ Hyperadrenocorticism
• ผลมาจากการทำหมัน โดยเฉพาะการทำหมันในช่วงอายุน้อย ระหว่างอายุ 6-12 เดือน
• ความแก่ สุนัขที่อายุเกิน 7 ปีขึ้นไป จะลดการใช้พลังงานอย่างน้อย 20% จากในวัยเด็ก ดังนั้นถ้าเรายังคงให้กินสูตรอาหารเช่นเดิม สุนัขจะมีไขมันสะสมมากขึ้น ทำให้เกิดปัญหาความอ้วนตามมา
• สาเหตุทางพันธุกรรม ในสุนัขบางพันธุ์ เช่น คอกเกอร์ ลาบาดอร์ เทอร์เรีย มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคอ้วนเมื่ออายุมากขึ้น ในขณะที่พันธุ์บอกเซอร์ ฟอก เทอร์เรีย ยอร์กเชีย เทอร์เรีย มีโอกาสน้อยที่จะอ้วน เป็นต้น
การวินิจฉัย
• มีความจำเป็นที่จะต้องนำไปให้สัตวแพทย์ตรวจว่าสัตว์ของท่านอ้วนจริงๆ ไม่ใช่การเกิดภาวะบวมน้ำ หรือภาวะความผิดปกติของต่อมไร้ท่อต่างๆ โดยอาศัยผลการตรวจเลือดหรือการเอกเรย์ประกอบในการวินิจฉัย
• พิจารณาจาก Assessment of body condition เช่น Thin, underweight, Ideal, Overweight , Obese
ภาวะ Obese คือ ภาวะที่ไม่สามารถคลำพบกระดูกซี่โครงที่ปกคลุมไปด้วยกล้ามเนื้อและไขมันใน
บริเวณนั้น ไขมันที่สะสมสามารถเห็นได้ในบริเวณส่วนบั้นเอวหรือบริเวณโคนหาง ไม่สามารถเห็นส่วนโค้งในบริเวณเอว
บริเวณหน้าท้องมักจะกางออกหรือขยายใหญ่
การแก้ไข
ในระยะสั้นคือการลดปริมาณไขมันในร่างกาย
โดยการจำกัดปริมาณอาหารที่กินเข้าไป และการทำให้เกิดพลังงานในร่างกายให้เกิดการเผาผลาญมากขึ้น
ส่วนในระยะยาวคือการควบคุมไม่ให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น
ส่วนประกอบสำคัญในการควบคุมน้ำหนักตัว
• การควบคุมพฤติกรรมทั้งผู้เลี้ยงและตัวสัตว์ ( behavior
modification ) เช่น การควบคุมพฤติกรรมการกินอาหารในสัตว์ และโดยเจ้าของสัตว์โดยการลดจำนวนมื้ออาหาร
และการลดปริมาณอาหารจากที่กินอยู่เดิม เป็นต้น
• การควบคุมอาหาร ( Dietary modification ) เช่น การเลือกใช้อาหารในสูตรลดน้ำหนัก ( low- fat diets)
• การควบคุมอาหาร ( Dietary modification ) เช่น การเลือกใช้อาหารในสูตรลดน้ำหนัก ( low- fat diets)
• การออกกำลังกาย ( Exercise ) เช่น
การว่ายน้ำ การจูงเดิน การปล่อยวิ่ง
สรุปการจัดการเมื่อพบว่าสัตว์เลี้ยงอ้วนเกินไป
• จัดโปรแกรมการควบคุมน้ำหนัก โดยกำหนดให้ในหนึ่งสัปดาห์ควรมีน้ำหนักที่ลดลงประมาณ 1-2% จากปกติ
• เลือกชนิดของอาหารเหมาะสมที่จะใช้ในสูตรลดน้ำหนัก
• ควบคุมการได้รับแคลอรี่ในร่างกาย ไม่เกิน 60-70% ของอัตราการเผาผลาญในร่างกายในระดับน้ำหนักตัวปัจจุบัน
• งดขนมขบเคี้ยว เปลี่ยนปริมาณการให้อาหารมากเกินไปที่ทำให้อ้วน
• เพิ่มโปรแกรมการออกกำลังกายในแต่ละวัน
• หลังจากน้ำหนักตัวในร่างกายลดลง ให้ควบคุมน้ำหนักตัวต่อไปเพื่อไม่ให้เพิ่มขึ้นใหม่
• ป้องกันการจะมีน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นใหม่ โดยให้ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และควบคุมปริมาณ แคลอรี่อย่างเข้มงวด
ร . ต . อ .
สพ . ญ . อารยา ผลสุวรรณ์ *
http://vth.kps.ku.ac.th/pet_html/2.htm
No comments:
Post a Comment