ซ้ำแล้ว…ซ้ำเล่าที่เห็นสุนัขสายพันธุ์ดุ
จองพื้นที่หน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์บ้านเราอยู่เป็นระยะๆ หลายคนถูกขย้ำบาดเจ็บสาหัส และที่ร้ายแรงที่สุดถึงขั้นเสียชีวิตก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว
และบ่อยครั้งที่เหยื่ออันโอชะนั้นเป็นเจ้าของเสียเอง โดยไม่เคยคิดเลยว่าเจ้าเพื่อนยากที่อยู่ด้วยกันมานาน
วันหนึ่งจะฆาตกรรมกันอย่างไม่ทันระวังตัว…ตามสัญชาตญาณสัตว์ สุนัขเป็นนักล่ามาแต่ครั้งอดีต
ผู้เลี้ยงจึงต้องเรียนรู้ในธรรมชาติของสุนัขแต่ละสายพันธุ์ เพื่อให้คนรักสุนัขได้ระวังตัวในช่วงเวลาที่ไม่สบอารมณ์ของมัน
และเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นโดยไม่คาดคิด เราจะได้เตรียมรับมืออย่างทันท่วงที
สายพันธุ์สุนัขที่คนต้องผวา
ความดุร้ายไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดของตัว หมาเล็ก-หมาใหญ่ก็กัดได้เหมือนกัน เพียงแค่ตัวไหนเขี้ยวจะฝังลึกกว่ากันเท่านั้นเอง M-Pet จึงจัดอันดับสายพันธุ์สุนัขดุที่สุดที่คนไทยนิยมเลี้ยง โดยสอบถามข้อมูลความรู้จากทีมสัตวแพทย์คลินิกพฤติกรรม โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ
1. ร็อตไวเลอร์
(Rottweiler)
ครองความดุเป็นอันดับหนึ่งมาหลายสมัย ถือเป็นสุนัขพันธุ์ดุที่สุดที่คนไทยนิยมเลี้ยง ก่อนหน้านี้เคยเป็นข่าวว่ากัดคนอยู่ระยะหนึ่ง และถือว่าเป็นพันธุ์ที่กัดคนค่อนข้างบ่อย จึงทำให้คนนิยมเลี้ยงลดลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะเด็กต้องระวังให้ดี เพราะด้วยสัญชาตญาณนักล่าที่อยู่ในตัว และถูกฝึกมาให้ล่าสัตว์เล็กเช่น กระต่าย นกยูง ทั้งนิสัยที่ดุไม่ค่อยรู้เรื่อง ไม่ไตร่ตรองว่าจะเป็นเจ้าของหรือใครทั้งนั้น อาจด้วยเพราะเป็นสุนัขขี้หงุดหงิด ดื้อเงียบ จึงควบคุมยาก และบางครั้งอาจทำให้เจ้าของเจ็บตัวโดยไม่ได้ตั้งใจ ด้วยความที่มีพละกำลังมากนั่นเอง
2. บางแก้ว
(Bangkaew)
“บางแก้ว” เป็นสุนัขพันธุ์ไทยแท้ ที่คนไทยต้องยกโล่ห์ให้แก่ความดุของมันอีกพันธุ์หนึ่ง ส่วนใหญ่คนนิยมเลี้ยงไว้เฝ้าบ้าน เพราะด้วยนิสัยที่ดุมาก เมื่อไม่พอใจจะกัดทันที โดยบางครั้งไม่แสดงอากัปกิริยาการเห่าเลย และมีให้เห็นบ่อยครั้งที่เจ้าของโดนกัดเสียเองแม้ว่าจะกระดิกหางอยู่ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่กัด เมื่อเทียบความดุอาจมีมากถึง 7 ใน 10 ตัวเลยทีเดียว
3. ไทยหลังอาน
(Thai Ridgeback)
“ไทยหลังอาน” เป็นสุนัขพันธุ์ไทยแท้อีกพันธุ์หนึ่งที่ดุไม่แพ้พันธุ์บางแก้ว ซึ่งระดับความดุอาจไม่เทียบเท่า แต่มีพละกำลังค่อนข้างมาก เนื่องจากมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรง นิสัยของพันธุ์ไทยหลังอานจะไม่ค่อยขู่คน แต่กัดเลย เพราะการเลี้ยงดูและถูกฝึกมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษให้เฝ้าบ้าน ป้องกันภัย จึงมีนิสัยค่อนข้างฉลาด และดุเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน
4. โดเบอร์แมน
(Doberman)
เมื่อก่อนคนนิยมเลี้ยงค่อนข้างมาก แต่ปัจจุบันไม่ค่อยมีคนเลี้ยงแล้ว เป็นสุนัขค่อนข้างฉลาด ฝึกง่าย นิยมลี้ยงไว้เฝ้ายาม (Guard dog) จึงมีนิสัยค่อนข้างดุพอสมควร แต่ไม่เท่าพันธุ์ร็อตไวเลอร์ และค่อนข้างรู้เรื่องว่าต้องดุกับใคร เช่น คนที่แต่งตัวรุ่มร่าม มีกลิ่นเหม็น กลุ่มนี้จะเข้าข่ายถูกจู่โจมได้ง่าย ในยุโรปเป็นสุนัขพันธุ์หนึ่งที่ใช้ล่าเนื้อ เพราะความปราดเปรียวและโครงร่างที่สูงใหญ่ของมันนั่นเอง
5. เยอรมัน
เชพเพิร์ด (German Shepherd)
“เยอรมัน เชพเพิร์ด” หรือบางคนเรียกว่าอัลเซเชียน (Alsatian) เป็นสุนัขพันธุ์หนึ่งที่ขึ้นชื่อว่าฉลาดที่สุด และถือว่ามีความดุมากไม่แพ้กัน ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่พอๆ กับร็อตไวเลอร์ มีเขี้ยวเล็บแหลมคม ว่องไว
ถ้าเจ้าของไม่ฝึกควบคุมให้เชื่อฟังคำสั่ง อาจทำร้ายคนอื่นได้ แต่ไม่ค่อยเกิดเหตุการณ์ร้ายๆ จากสุนัขพันธุ์นี้เท่าไหร่ จึงอยู่ในคราบพระเอกมากกว่าผู้ร้าย
6. อเมริกัน
พิทบูลล์ เทอร์เรีย (American Pit Bull Terrier)
ขึ้นชื่อว่าเป็นสุนัข Fighting dog ซึ่งในต่างประเทศนิยมเลี้ยงเอาไว้กัดกัน จึงถือเป็นเกมกีฬาอย่างหนึ่ง เพราะโครงสร้างที่แข็งแรงและลักษณะนิสัยในการต่อสู้ที่ไม่ยอมแพ้ ถ้าอีกตัวยังไม่ตายก็จะไม่เลิกรา จึงเป็นนักสู้และดุร้ายเฉพาะสัตว์ด้วยกัน จริงๆ แล้วพันธุ์นี้จะไม่ดุกับคน และรักเจ้าของมากด้วยซ้ำ เพียงแต่ไม่ค่อยแสดงออก จึงเป็นเรื่องน่าตกใจจากข่าวที่ผ่านมาว่ากัดคนถึงตาย สาเหตุหนึ่งอาจเพราะจำนวนคนที่กำลังนิยมเลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้ในเมืองไทย เพิ่มขึ้นด้วย จึงมีโอกาสตกเป็นข่าวหน้าหนึ่งมากกว่าสายพันธุ์อื่นๆ
7. บูลล์เทอร์เรีย
(Bull Terrier)
คนส่วนใหญ่จะเลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้ไว้เป็นเพื่อนเล่น เพราะมีหน้าตาตลกและนิสัยที่น่ารัก แต่อีกมุมหนึ่งของ “บูลล์เทอร์เรีย” ถือเป็น Fighting dog เช่นเดียวกับ อเมริกัน พิทบูลล์ เทอร์เรีย จึงมีเลือดนักสู้อยู่ในตัวไม่ต่างกัน
นอกจากสุนัขพันธุ์ใหญ่ที่มีลักษณะนิสัยเป็นทั้ง Guard dog และ Fighting dog ตามสัญชาตญาณจึงมีความดุร้ายอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่แค่ความแข็งแรง โครงสร้างที่ใหญ่เท่านั้นที่บ่งบอกถึงความดุ สุนัขพันธุ์เล็กที่นิยมเลี้ยงในบ้านเราก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน แม้ว่าไม่ถึงขนาดเข้าจู่โจม แต่ก็ไม่ชอบให้ใครมายุ่งมากนัก อย่างเช่น “เชาเชา (Chow Chow)” เป็นสัตว์มีโลกส่วนตัวสูง ไม่ชอบให้คนจับหรือบังคับ จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สุนัขไม่สบายตัว ไม่สบายใจ และกัดคนได้
ความดุที่รองลงมาคือ
“ชาร์ไป (Sharpei)”
มีนิสัยคล้ายกับเชาเชา
ในลักษณะที่เป็น “หมาถือตัว” เหมือนกัน เพียงแต่เชาเชามีขนยาวในขณะที่ชาร์ไปมีขนสั้น
และตัวสูงกว่ากันเล็กน้อย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์
นอกจากนี้ยังมี “ปอมเมอเรเนียน (Pomeranian)” ส่วนใหญ่จะให้แค่เจ้าของอุ้ม
ไม่ชอบให้คนอื่นมาอุ้ม เอาแต่ใจตัวเอง
และอีกสายพันธุ์ที่มีนิสัยหวงตัวพอๆ
กันก็คือ “มิเนเจอร์ พินช์เชอร์ (Miniature Pinscher)” ต่างเห่าเก่งด้วยกันทั้งคู่
เลี้ยงหมาดุให้เชื่อง
ตอนนี้หลายคนคงผวา เมื่อรู้ว่าเจ้าตูบที่บ้านอยู่ในอันดับหมาดุเสียแล้ว แต่อย่าเพิ่งตกใจเพราะไม่ใช่ว่าทุกตัวจะดุทั้งหมด การยับยั้งความดุร้ายของสุนัขตามสัญชาตญาณสามารถควบคุมได้ เมื่อคนนำมาฝึกให้เชื่อฟังคำสั่งความดุร้ายจะถูกลดทอนลง ทำให้คนเลี้ยงและสุนัขมีสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดู การให้ความรัก การเอาใจใส่จากเจ้าของ ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่สำคัญมาก เพราะสุนัขก็มีหัวใจ มีความรู้สึกไม่ต่างจากคน
ร.ท.อำพล บำรุงไทย ครูฝึกสุนัข
โรงเรียนสุนัขทหาร ศูนย์การสุนัขทหาร กรมการสัตว์ทหารบก กล่าวถึงคำจำกัดความที่ว่า
“ความดุ” ต้องอยู่ใน “การควบคุม” ว่า ถึงแม้เราจะเลี้ยงสุนัขด้วยอาหารดีแค่ไหน
แต่ถ้าไม่ฝึกให้สุนัขเชื่อฟังคำสั่งพื้นฐานเขาก็ไม่รู้ความต้องการของเรา เมื่อสุนัขดุแล้วเราควบคุมไม่ได้มันจึงอันตรายมาก
สำหรับในโรงเรียนฝึกสุนัขทหาร การลดความดุของสุนัข คือการฝึกให้เชื่อฟังคำสั่ง
นี่แหละคือหัวใจของมัน
“การฝึกเชื่อฟังคำสั่งเป็นการระงับการแสดงตามอารมณ์ของตัวเอง ถ้าเราเป็นคนฝึก แสดงว่าเราเป็นผู้บังคับ สุนัขก็จะเชื่อฟังคำสั่งเรา หากสุนัขมีความดุในสายเลือดของมัน แต่นำมาฝึกให้เชื่อฟังคำสั่งเราจะสามารถควบคุมได้”
“สุนัขที่ใช้ทางทหารมี 4 สายพันธุ์หลักคือ พันธุ์เยอรมัน เชพเพิร์ด, ลาบราดอร์, ร็อตไวเลอร์ และโดเบอร์แมน จะเห็นว่ามีแต่พันธุ์ดุๆ ตัวใหญ่ๆ คมเขี้ยวแข็งแรง ซึ่งแต่ละตัวถูกฝึกมาตามวัตถุประสงค์ และรับรองว่าถ้าออกไปข้างนอกไม่มีกัดคนแน่นอน เพราะถูกฝึกให้เชื่อฟังคำสั่งจึงควบคุมได้ทั้งหมด”
ในกรณีฝึกเชื่อฟังคำสั่งสำหรับผู้เลี้ยงทั่วไป กระทำโดยการผูกสายจูง และห้ามโดยใช้เสียงสั่งว่า “ไม่” ในขณะที่สุนัขทำในสิ่งที่เราไม่ต้องการ สิ่งไหนที่สุนัขแสดงออกมา แต่เราไม่ต้องการจึงต้องฝึกควบคุม
เมื่อทำอย่างนี้ทุกวันสุนัขจะเชื่อฟังคำสั่ง
จึงเป็นการห้ามเพื่อไม่ให้พฤติกรรมของสุนัขที่เราไม่ต้องการเหล่านั้นเกิด ขึ้นอีกในอนาคต
อย่างน้อยถ้าเราไม่ฝึกเป็นทางการก็ควรฝึกการควบคุมพฤติกรรมของมัน อาจฟังเหมือนง่าย
แต่ถ้าอยากให้สุนัขเป็นเพื่อนแท้ ก็ไม่ใช่เรื่องยาก
“การฝึกควบคุมจะต้องทำด้วยท่าทางและห้ามด้วยเสียง ยิ่งสุนัขเล็กจะควบคุมง่าย ถ้าฝึกเดินออกไปข้างนอกบ่อยๆ ทำให้สร้างความคุ้นเคยกับคน ไม่หวาดระแวง เพราะสัญชาตญาณของสุนัขคือการต่อสู้ ความดุร้ายขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ ซึ่งเหมาะกับการเลี้ยงหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการนำไปใช้ เช่น สุนัขเฝ้าบ้านและสุนัขเลี้ยงดูเล่นก็ต้องเลือกสายพันธุ์ที่แตกต่างกัน”
แต่หลักๆ ในการควบคุมสุนัข คือ ต้องให้ความรัก ความเมตตา พาเข้าสังคมเพื่อสร้างความคุ้นเคย
เพราะการป้องกัน คือการเลี้ยงดู ถ้าเป็นเจ้าของแต่ไม่ได้ดูแลก็จะถูกกัดได้
และถ้ายิ่งเอาไปขังกรง สุนัขจะยิ่งเกิดความเครียดโดยเฉพาะสุนัขที่ดุตามสายพันธุ์ของมันแล้ว
อย่างร็อตไวเลอร์ และ อเมริกัน พิทบูลล์ เทอร์เรีย ก็จะยิ่งกระตุ้นความดุร้าย
เมื่อไม่เคยถูกฝึกควบคุม สุนัขก็จะไม่เชื่อฟัง
“การเลี้ยงสุนัขต้องออกสังคมตั้งแต่วัยเด็ก หมายถึง การสร้างความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมทั่วๆ ไป แต่ที่เกิดปัญหาก็คือ สุนัขที่เลี้ยงอยู่ในบ้านไม่เคยออกไปไหนเลย จึงเหมือนการถูกคุมขัง ทำให้สภาพจิตใจสูญเสียความเป็นอิสรภาพ และเมื่อมีโอกาสก็จะแสดงออกตามใจตัวเอง”
เมื่อตกเป็นเหยื่อเจ้าตูบ!
สุนัขบางสายพันธุ์ที่ไม่เคยถูกฝึกมาจึงมีพฤติกรรมคุ้มดีคุ้มร้าย บางตัวกระดิกหาง แต่ขู่กรรโชก บางตัวมีหน้าตาเป็นมิตร แต่พอเผลอก็กัดอย่างเอาเป็นเอาตาย แล้วคนเลี้ยงจะมีวิธีการหลีกเลี่ยงภัยจากเจ้าสุนัขที่เอาแน่เอานอนไม่ได้นี้ อย่างไร
ร.ท. อำพล บำรุงไทย กล่าวต่อว่า ถ้าเราดูทั่วไปสุนัขบางสายพันธุ์ โดยเฉพาะ “อเมริกัน พิทบูลล์ เทอร์เรีย” จะดูยาก เพราะเป็นสุนัขที่เก็บอาการได้ดีมาก แสดงพฤติกรรมบางทีเข้าไปใกล้ๆ เหมือนจะเป็นมิตร แต่พอคนเผลอก็กระโดดเข้ากัด อาการที่แสดงออกของสุนัขดุโดยทั่วไป คือ สายตาขวาง จ้องมองอย่างไม่ไว้ใจ เห่า ขู่กรรโชก นี่เป็นพฤติกรรมภายนอกที่สุนัขแสดงออกมาถึงความดุร้าย
เมื่อสุนัขเป็นสัตว์เลี้ยงที่นิยมมากที่สุดในประเทศไทย หลายคนอาจเคยประสบเหตุการณ์โดนสุนัขจู่โจมหรือเข้ามาทำร้าย หรือถ้าโชคดีหน่อยอย่างน้อยๆ ไม่ได้ตกเป็นเหยื่ออันโอชะ แค่อยู่ในสถานการณ์นั้นร่วมด้วย เราจึงควรรู้วิธีป้องกันตัวเองและช่วยเหลือเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายให้ได้มากที่สุด
“สุนัขโดยสัญชาตญาณแล้วมันจะล่าเหยื่อในขณะเคลื่อนที่เป็นหลัก ถ้ายิ่งเคลื่อนไหวร่างกาย วิ่งหนีรนรานจะยิ่งสร้างความดุร้ายให้สุนัขมากขึ้น เหมือนเป็นการยั่วยุไปในตัว ทำให้สุนัขกระหายที่จะเข้าไปจู่โจม ฉะนั้นต้องเป็นลักษณะหยุดการเคลื่อนไหว จะลดการจู่โจมลงได้ระดับหนึ่ง จากนั้นควรหาทางหลบเลี่ยงออกไปในทางที่สุนัขไม่สนใจก็จะรอดพ้นจากการถูกสุนัขกัดได้
”สำหรับการช่วยเหลือคนที่กำลังถูกสุนัขกัด
“สุนัขโดยทั่วไปจะกัดแล้วสะบัดทิ้ง
เราควรใช้น้ำเสียงห้ามโดยธรรมชาติ “ไม่” ตะโกนออกมาดังๆ จะทำให้สุนัขชะงักระดับหนึ่ง หรืออาจใช้อุปกรณ์อะไรก็ได้ที่ทำให้สุนัขหันเหความสนใจจากเป้าหมายนั้นแล้ว
จึงร้องเรียกคนรอบข้างหรือคนที่เป็นเจ้าของสุนัขให้มาช่วยเหลือกัน” ร.ท. อำพล กล่าวเสริม
ถ้าได้ติดตามหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งเกี่ยวกับคนถูกสุนัขทำร้าย
อาจได้เห็นข่าวเจ้า “ไข่ตุ๋น” สุนัขพันธุ์ อเมริกัน พิทบูลล์ เทอร์เรีย ที่กัดคุณยายเจ้าของจนเสียชีวิต
คนในบ้านทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงนำไปไว้ที่กรมปศุสัตว์ แต่ขณะนี้ศูนย์ฝึกสุนัขมหัศจรรย์โจโจ้เฮาส์รับไปเลี้ยงดูแทนแล้ว
โจอี้-สุนทรา สัจจะวัชรพงศ์ เจ้าของศูนย์ฝึกสุนัขโจโจ้เฮาส์ Dog Master เล่าให้ฟังว่า เรารับไข่ตุ๋นมาดูแลต่อมาจากกรมปศุสัตว์ ซึ่งสุนัขพันธุ์นี้เราสามารถนำมาฝึกได้
ไม่เฉพาะพันธุ์ อเมริกัน พิทบูลล์ เทอร์เรีย เท่านั้น
ไม่ว่าพันธุ์ไหนก็ฝึกได้เหมือนกันหมด
หมามันไม่มีความผิดนะ มันอยู่ที่การเลี้ยงดู พฤติกรรมที่มันพบเจอมาตั้งแต่เด็ก
แต่ที่มันกัดเจ้าของหรือคนอื่นๆ เพราะอาจเคยถูกรังแกมา หรือไม่ค่อยได้เข้าสังคมเลย
พอหลายคนที่เลี้ยงสุนัขพันธุ์ อเมริกัน พิทบูลล์ เทอร์เรีย เห็นข่าวการทำร้ายคนถึงตาย
จึงเกิดความกลัวว่าเจ้าตูบของตัวเองซึ่งเป็นสายพันธุ์เดียวกันนี้จะกัดคนใน ครอบครัวหรือคนอื่นได้
แต่อย่างที่บอกสุนัขพันธุ์นี้มีนิสัยรักและซื่อสัตย์ต่อเจ้าของมาก ถ้าดูแลเอาใจใส่และให้ความรักความเอ็นดูอย่างสม่ำเสมอ และไม่ว่าจะเป็นสุนัขสายพันธุ์ใด เมื่อเจ้าของไม่ทอดทิ้งมัน ความผูกพันก็จะทลายความดุร้ายที่มีต่อคนได้
ข้อควรรู้ก่อนเลี้ยงสุนัข
1. ผู้เลี้ยงต้องรู้ก่อนว่าจะเลี้ยงสุนัขเพื่อวัตถุประสงค์ใด
2. ควรเลือกสายพันธุ์สุนัขที่เหมาะสมกับการเลี้ยงตามความต้องการของตัวเอง
3. เลือกสถานที่และสิ่งแวดล้อมสำหรับการเลี้ยงอย่างเหมาะสม
4. ต้องศึกษาจิตวิทยาสายพันธุ์ของสุนัขที่จะนำมาเลี้ยง
5. ควรมีความรู้ทางด้านสุขาภิบาล หรือการดูแลสุขภาพพื้นฐานของสัตว์เลี้ยงทั่วไป
6. ต้องศึกษาเรียนรู้การฝึกและการควบคุมสุนัข
แหล่งที่มา http://sangwankennels.wordpress.com
No comments:
Post a Comment