Wednesday, July 16, 2014

เคล็ดลับเพื่อบ้านสะอาด สำหรับคนเลี้ยงสัตว์




         เหตุผลที่หลายคนไม่อยากเลี้ยงสัตว์ในบ้าน แม้ว่าใจจริงจะเป็นคนรักสัตว์ขนาดไหน หลัก ๆ ก็คงเป็นเพราะกลัวกลิ่นไม่พึงประสงค์จากน้องหมา น้องแมว อันเป็นต้นเหตุที่ทำให้บ้านดูสกปรกใช่ไหมคะ แต่ใช่ว่าเลี้ยงสัตว์ในบ้านแล้วจะต้องทำให้บ้านไม่สะอาดเสมอไปซะเมื่อไร เพราะหากคุณดูแลสัตว์เลี้ยงอย่างดี และรู้เคล็ดลับเพื่อบ้านสะอาดสำหรับคนรักสัตว์ต่อไปนี้แล้วล่ะก็ ต่อให้เลี้ยงน้องหมา น้องแมวกี่ตัว บ้านก็จะสะอาดหอมสดชื่นจนน่าปลื้มปริ่มได้เหมือนกัน

กระบะทรายแมว ตัวช่วยเด็ด

          ส่วนมากบ้านที่เลี้ยงน้องแมวมักจะมีกลิ่นอันไม่พึงประสงค์เฉพาะตัวของแมวฉุน ไปทั้งบ้าน เพราะน้องแมวไปทิ้งระเบิดอยู่ตามจุดต่าง ๆ ทั่วบ้านไปหมด สร้างความกลุ้มใจให้ไม่น้อย แต่ถ้าหากคุณอยากเลี้ยงน้องเหมียวแบบคลีน ๆ ลองใช้กระบะทรายแมวเป็นตัวช่วยดูสิคะ แล้วก็ฝึกให้เจ้าเหมียวแสนรักใช้กระบะทรายเป็นห้องน้ำของเขาให้ติดเป็นนิสัย แต่ที่สำคัญคุณเองก็ต้องถ่ายกระบะทรายแมวทุก ๆ 2 วันเป็นอย่างต่ำด้วย โดยเพื่อความสะดวกในการทำความสะอาดกระบะทรายแมว แนะนำให้ใช้แผ่นพลาสติกรองกระบะทรายแมวไว้ก่อน เวลาจะถ่ายกระบะทรายแมวก็ทำแค่รวบแผ่นพลาสติกแล้วยกทรายไปทิ้งทีเดียว คราวนี้ก็หมดปัญหาเรื่องกลิ่นอันไม่พึงประสงค์จากน้องเหมียวอีกต่อไป อ้อ ! ส่วนน้องหมาแสนรู้ เราก็สามารถพาเขาไปเดินเล่น เพื่อเปิดโอกาสให้เขาได้ทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย แต่ทั้งนี้เจ้าของก็ต้องคอยเก็บอุนจิของเจ้าสี่ขากันด้วยนะจ๊ะ จะได้ไม่เป็นภาระคนอื่น
 

แปรงขนทุกวัน ป้องกันขนร่วง

          จัดการปัญหากลิ่นไม่พึงประสงค์จากสัตว์เลี้ยงไปแล้ว แต่เรายังเหลือปัญหาขนสัตว์ที่ติดอยู่ตามโซฟา ผืนพรม เบาะรถยนต์ หรือแม้กระทั่งเสื้อผ้า ลามไปตามพื้นบ้านทั่วไปอีกนะคะ แต่ปัญหาเหล่านี้จัดการได้ไม่ยากค่ะ เพียงแค่เราต้องหมั่นแปรงขนน้องหมา น้องแมวทุกวัน เพื่อกำจัดขนที่เขาผลัดออกมาซะก่อนที่มันจะหล่นติดอยู่ตามพื้นที่ต่าง ๆ ในบ้าน และรถของเรา โดยถ้าจะให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ก็ต้องเลือกแปรงที่เหมาะกับสภาพขนของสัตว์เลี้ยงเราด้วย และคอยสังเกตดูด้วยว่า ขนของสัตว์เลี้ยงแสนรักหลุดร่วงมากเกินผิดปกติหรือเปล่า เนื่องจากสัตว์เลี้ยงอาจจะติดเชื้อโรคทางผิวหนัง หรือมีปัญหาสุขภาพบางอย่างที่ส่งผลทำให้ขนร่วงจำนวนมาก เข้าขั้นผิดปกติ ซึ่งก็คงต้องรีบพาเขาไปพบสัตว์แพทย์โดยเร็วที่สุด

          แต่สำหรับขนสัตว์ที่ติดฝังแน่นไปกับโซฟา พรม เบาะนั่ง เสื้อผ้า และพื้นที่อื่น ๆ ในบ้านไปแล้ว แบบนี้คงต้องจัดการด้วยลูกกลิ้งกำจัดขนสัตว์ หรือแปรงกำจัดขนสัตว์แล้วล่ะค่ะ หรือถ้าอยากจะใช้วิธีบ้าน ๆ ก็แค่สวมถุงมือยาง พรมน้ำพอชื้น ๆ แล้วไล่เก็บเศษขนที่ติดอยู่ตามโซฟา เบาะนั่ง พื้นพรม วิธีนี้ก็เด็ดไม่เบาเลยล่ะ


 
กำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ให้สิ้นซาก

          บ่อยครั้งที่น้องหมาน้องแมวทำพิษใส่เราด้วยการปล่อยของเสียลงบนพื้นพรม หรือเบาะนั่งแบบเฉียบพลัน ซึ่งเราก็ต้องรีบเช็ดทำความสะอาดให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากนั้นก็ต้องทำความสะอาดพื้นที่ ณ จุดเกิดเหตุให้หมดจดที่สุด เพื่อป้องกันกลิ่นเหม็น ๆ ฝังแน่นอยู่ในพื้นที่ พร้อมกันนั้นก็เป็นการป้องกันไม่ให้สัตว์เลี้ยงกลับมาปล่อยของที่จุดเดิมอีกครั้งด้วย โดยวิธีทำความสะอาดคุณอาจจะใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับกำจัดของเสียของสัตว์เลี้ยง ที่มีส่วนผสมของเอนไซม์ต่อต้านยูรีนโดยเฉพาะ หรือง่าย ๆ ก็แค่โรยพื้นด้วยเบกกิ้งโซดา หรือแป้งข้าวโพด เพื่อดูดซับน้ำที่ตกค้างอยู่ในพื้นพรม หรือเบาะนั่งให้หมดจดก่อน จากนั้นใช้เบกกิ้งโซดา ผสมน้ำส้มสายชูเพื่อกำจัดกลิ่นเดิมที่ฝังแน่นออกไปก็ได้ค่ะ

          นอกจากเคล็ดลับเหล่านี้แล้ว เราก็ควรอาบน้ำน้องหมา น้องแมวเป็นประจำ เพื่อให้เขาเป็นสัตว์เลี้ยงที่สะอาดสะอ้านน่ากอด หรือถ้าจะให้ดี ควรแบ่งโซนสำหรับสัตว์เลี้ยงให้ชัดเจนไปเลย ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้บ้านของคุณไม่ต้องกังวลเรื่องความสะอาดมากนัก แถมยังเซฟเราจากการโรคภูมิแพ้ที่อาจจะเกิดจากขนสัตว์ไปในตัวด้วยนะคะ


ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Monday, July 7, 2014

7 ขั้นตอนดูแลขนสุนัข ทำที่บ้านได้ง่าย ๆ



        เจ้าของสุนัขหลายคนอาจต้องเสียเงินไปกับการพาสุนัขของตัวเองไปตัดแต่งขนที่ร้านดูแลสุนัขโดยเฉพาะ แต่หลังจากนี้อาจไม่ต้องทำแบบนั้นอีกต่อไป เมื่อได้ศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับการดูแล บำรุง และอาบน้ำให้สุนัขอย่างครบถ้วนจากวิธีดูแลขนสุนัขที่สุดแสนจะง่ายดายต่อไปนี้ และการันตีได้เลยว่าเจ้าของสุนัขสามารถทำตามได้ง่าย ๆ จ้า

1. แปรงขนกำจัดสิ่งสกปรก

          เริ่มจากการแปรงขนสุนัข เพื่อกำจัดเส้นขนที่ตายแล้ว และจัดระเบียบให้ขนสุนัขเสียก่อน พร้อมกับตัดขนที่จับกันเป็นก้อนออกไป โดยแปรงขนให้ครบทุกส่วนตั้งหัวจรดหาง ทั้งสุนัขพันธุ์ขนสั้นและขนยาว แต่อาจต้องเลือกแปรงที่มีเส้นขนนุ่มสักหน่อย สำหรับสุนัขที่มีขนบาง ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ ควรแปรงขนสุนัขอย่างเบามือ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดบาดแผลบนผิวหนังของสุนัข

2. พูดเพราะ ๆ เพื่อให้สุนัขวางใจ
        
          หลังจากแปรงขนเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาอาบน้ำ แต่ก่อนถึงขั้นนั้นควรจะพูดเพราะ ๆ กับสุนัขเสียก่อน เพื่อให้สร้างความสุขให้กับสุนัข และทำให้สุนัขเชื่อใจว่าคุณไม่ได้ต้องการจะทำให้โกรธ หรือทำร้ายสุนัขแต่อย่างใด ซึ่งถ้าหากข้ามขั้นตอนนี้ไปก็อาจจะทำให้สุนัขวิ่งหนี หาที่หลบซ่อนตัว หรือแสดงอารมณ์รุนแรงออกมาขณะที่กำลังจับสุนัขอาบน้ำได้


 
3. อาบน้ำชำระสิ่งสกปรก

          สุนัขจะรู้สึกสบายตัวกว่าหากอาบน้ำโดยใช้สายชำระค่อย ๆ รดไปที่ลำตัว แทนที่จะใช้น้ำจากก๊อกน้ำอาบน้ำให้สุนัขโดยตรง สำหรับแชมพูที่นำมาใช้ก็ควรเป็นแชมพูสำหรับสุนัข เด็ก หรือผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ และในขณะที่กำลังสระด้วยแชมพูก็ควรปิดน้ำให้สนิท เพราะการเปิดน้ำตลอดจะทำให้สุนัขเกิดความเครียดได้ อีกทั้งควรระมัดระวังไม่ให้น้ำหรือฟองสบู่เข้าปาก หู จมูก ตา และก้นด้วย

          ส่วนหลังจากที่อาบน้ำบริเวณลำตัวเรียบร้อยแล้ว ให้ใช้ผ้าอุ่นทำความสะอาดรอบดวงตาและใบหู พร้อม ๆ กับกำจัดคราวสกปรกทั้ง 2 บริเวณออกไป ควรนำผ้าขนหนูผืนใหญ่มาซับน้ำออกจากขนของสุนัขให้ได้มากที่สุดด้วย

4. ใช้กรรไกรพิเศษสำหรับตัดแต่งขนสุนัขโดยเฉพาะ

          หากไม่มีประสบการณ์ก็ไม่ควรใช้กรรไกรทั่วไปในการตัดแต่งขนสุนัข แต่ควรใช้กรรไกรที่ออกแบบมาเพื่อการนี้จะดีกว่า หรือถ้าไม่สามารถหากรรไกรสำหรับตัดแต่งขนสุนัขได้โดยตรง ให้นำใบมีดคม ๆ มาใช้แทนก็ได้ โดยใช้เฉพาะมุมใบมีดตัดแต่งขนสุนัขก็พอ และควรระมัดระวังเป็นพิเศษ เมื่อตัดแต่งขนสุนัขบริเวณดวงตา หน้าท้อง ก้น อุ้งเท้า และบริเวณที่มีผิวบอบบาง



5. เป่าขนให้แห้งสนิท

          แม้สุนัขหลายตัวจะไม่ชอบการเป่าขนด้วยไดร์เป่าผมเอาเสียเลย แต่ก็ไม่สามารถข้ามขั้นตอนนี้ไปได้ เพราะเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่มีความสำคัญมากทีเดียว โดยการเป่าขนให้แห้งสนิทนี้ไม่ได้ช่วยป้องกันกลิ่นอับอันเกิดจากขนที่เปียก ชื้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ขนสุนัขฟูฟ่อง ดูเงางาม และสวยงามมากขึ้นด้วย

6. ทำความสะอาดบริเวณรอบข้าง

          หากไม่ต้องการให้ชนสุนัขปลิวกระจายไปทั่วบ้าน ควรทำความสะอาดบริเวณดังกล่าวทันที หลังจากที่เป่าขนสุนัขเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งสำหรับบางคนอาจฟังดูเป็นเรื่องธรรมดา แต่ทว่ามีเจ้าของไม่น้อยเลยที่ลืมขั้นตอนนี้ไป และมานึกขึ้นได้อีกครั้งหลังจากที่ขนสุนัขปลิวว่อนเต็มบ้านแล้ว


 
7. ให้รางวัลคนเก่ง

          ผู้เชี่ยวชาญทุกคนต่างแนะนำว่า ควรให้รางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ กับสุนัขทุกครั้งหลังอาบน้ำ เพราะการให้รางวัลจะช่วยให้สุนัขรักการอาบน้ำมากยิ่งขึ้น ซึ่งการหารางวัลให้กับสุนัขหลังอาบน้ำก็ไม่ยากเลย แค่ลูบหัว กอด หรือหอม แล้วตามด้วยอาหารกับขนมที่สุนัขชอบกิน พร้อมกับชมอีกนิดหน่อยก็เพียงพอแล้ว


          การตกแต่งและดูแลขนให้กับสุนัขเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาและการฝึกฝน ฉะนั้นก็อย่าเพิ่งยอมแพ้แม้ในครั้งแรกจะไม่ค่อยได้รับผลตอบรับที่ดีสักเท่า ไหร่ เพราะหากสามารถฝึกฝนจนสามารถตกแต่งและดูแลขนให้สุนัขด้วยตัวเองได้แล้ว ไม่เพียงแต่จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายเท่านั้น แต่ยังทำให้สุนัขมีขนสวยอยู่ตลอดเวลาด้วย

ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Sunday, July 6, 2014

ทอลลี่ มะหมาฮัสกี้ที่คิดว่าตัวเองเป็นแมว




        เคยสงสัยกันไหมเอ่ย ว่าถ้าเลี้ยงทั้งแมวและหมาไว้ด้วยกันแล้วผลที่ได้จะเป็นอย่างไร ลองมาดูหนึ่งในตัวอย่างของคำตอบจากเจ้า "ทอลลี่" กันดีกว่า มันคือมะหมาที่กำลังโด่งดังในโลกออนไลน์ตอนนี้ ในฐานะมะหมาฮัสกี้ที่มีนิสัยเหมือนแมว ก็มันโดนเลี้ยงมากับแมวตั้งแต่เด็ก ๆ เลยนี่นา !
 

          คุณ xlinnea เจ้าของทอลลี่ ที่ได้โพสต์รูปของมันลงในเว็บไซต์ imgur บอก ว่า เจ้าทอลลี่เป็นพันธุ์ผสมไซบีเรียน ฮัสกี้-อลาสกัน มาลามิวท์ เธอรับเลี้ยงมันต่อจากเจ้าของเดิมเมื่อมันอายุ 2 ขวบ และได้รับการบอกเล่าว่ามันเป็นมะหมาที่เติบโตขึ้นมาพร้อมแมวเป็นฝูง สงสัยจะเพราะเหตุผลนี้ล่ะ ที่ทำให้ทอลลี่ติดนิสัยเหมียว ๆ มาเพียบ 

 
          อะไรที่เป็นนิสัยแมว ๆ เจ้าทอลลี่ล่ะชอบไปหมด ไม่ว่าจะเป็นการทำหน้าอ้อน ๆ มีนิสัยแบ๊ว ๆ แบบที่ว่าไม่ค่อยสัมพันธ์กับขนาดตัวเท่าไหร่ ชอบเอาตัวเข้าไปอยู่ในที่แคบ ๆ โดยเฉพาะการมุดกล่องนี่โปรดปรานเป็นที่สุด ไม่ค่อยเห่า และเล่นกับสุนัขตัวอื่นเท่าไหร่ แต่รักสันโดษชอบนอนซุ่มดูคนนู้นคนนี้ที่เดินผ่านไปมามากกว่า แต่อย่างน้อยหนึ่งอย่างที่ทำให้มันไม่เหมือนแมว ก็คือไม่ค่อยชอบให้ใครมาเกาพุงนะจ๊ะ

 
          อูยย เห็นความน่ารักแต่ละภาพของเจ้าทอลลี่แล้วใจละลาย อยากได้ลูกครึ่งแมว-หมา แบบนี้สักตัวจังเลยเนอะ >.<

  

Saturday, June 7, 2014

โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง... ในน้องหมาก็มีนะ




          โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือ โรค MG  ไม่ใช่จะเกิดขึ้นได้เฉพาะในคนเท่านั้น แต่ในน้องหมาก็สามารถพบได้เช่นกัน เรามาดูกันดีกว่าว่า หากน้องหมาของเราต้องป่วยเป็นโรคที่ว่านี้ เขาจะมีอาการเป็นอย่างไรบ้าง ?!?

          โรค MG เป็นโรคที่ทำให้เกิดความผิดปกติกับระบบประสาทสั่งการของน้องหมา มีผลทำให้เกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงคล้ายเป็นอัมพาต สามารถเกิดขึ้นได้ในน้องหมาทุกอายุ และเกิดได้ทั้งเพศผู้และเพศเมีย แต่จากการศึกษาพบว่า มีสุนัขบางสายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงในการเกิดโรคมากกว่าพันธุ์อื่น ๆ นั่นคือ สุนัขพันธุ์ อาคิตะ สกอตทิช เทอร์เรียร์ และชิวาว่า

 
          คราวนี้ เราลองมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับระบบประสาทและการทำงานของกล้ามเนื้อในน้องหมา กันนะคะ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อน้องหมาต้องการเคลื่อนไหว ในน้องหมาปกติ จะมีการหลั่งสารสื่อประสาทที่เรียกว่า Acetylcholine ออกมา เพื่อขนส่งกระแสประสาทไปยังตัวรับ (Acetylcholine Receptor)  และกระตุ้นให้สมองสั่งการ ทำให้สามารถสั่งกล้ามเนื้อให้เคลื่อนไหวไปอย่างที่ต้องการได้

           แต่ในน้องหมาที่ป่วยเป็นโรค MG จะมีการผลิตแอนตี้บอดี้จากร่างกายขึ้นมา ซึ่งเจ้าแอนตี้บอดี้นี้ จะไปขัดขวางการรับสารสื่อประสาทของตัวรับ ทำให้สมองไม่สามารถสั่งการและกล้ามเนื้อเคลื่อนไหวไม่ได้ตามต้องการ จึงมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงในที่สุด ส่วนอาการอื่น ๆ ที่อาจพบได้คือ อาเจียน กลืนอาหารลำบาก และการเห่าผิดปกติไป เป็นต้น

 
          สำหรับการวินิจฉัยโรค MG ค่อนข้างทำได้ยาก เนื่องจากอาการอ่อนแรงเป็นอาการที่สามารถพบได้ในหลายโรค จึงจำเป็นต้องทำการวินิจฉัยแยกโรคโดยค่อย ๆ ตัดไปทีละโรค อาจมีการตรวจเลือดเพิ่มเติม เพื่อตรวจสอบภาวะการติดเชื้อและค่าตับ ค่าไต หรืออาจต้องทำการเอ็กซเรย์ เพื่อดูว่ามีภาวะหลอดอาหารขยายใหญ่หรือไม่ (80% ของน้องหมาที่ป่วยโรค MG จะมีหลอดอาหารที่ขยายใหญ่กว่าปกติ) รวมถึงการทำ Anti-Acetycholine Receptor Antibody Test เมื่อไม่พบโรคอื่น ๆ แล้วจึงค่อยพิจารณารักษาในแนวทางของโรค MG  โดยการให้สุนัขลองทานยา แล้วสังเกตอาการว่าดีขึ้นหรือไม่

 
          การรักษาโรค MG สามารถทำได้โดยการให้ยาไปกดภูมิคุ้มกันเอาไว้ ไม่ให้ร่างกายสร้างแอนตี้บอดี้ออกมา ซึ่งไปขัดขวางการรับส่งกระแสประสาท รวมทั้งอาจให้ยาที่มีในการช่วยทำลายแอนตี้บอดี้ หรือสุดท้ายก็คือ การรักษาโดยการผ่าตัด "ต่อมไธมัส" ซึ่งทำหน้าที่ผลิตแอนตี้บอดี้ออกมา แต่ในน้องหมาพบว่า การผ่าตัดต่อมไธมัส มักให้ผลทางการรักษาที่ไม่ดีเท่าที่ควร

          อย่างไรก็ดี โรค MG พบได้น้อยในน้องหมา แต่ถ้าเป็นแล้วก็ยากที่จะรักษาให้หายขาด เพราะฉะนั้นอย่างน้อยที่สุดผู้เลี้ยงก็ควรจะได้มีข้อมูลเกี่ยวกับโรคนี้ติดตัวไว้บ้าง เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย หากน้องหมาของเราต้องโชคร้าย เจอแจ็กพ็อต ป่วยเป็นโรคนี้ในภายภาคหน้า ^__^

โดย สพ.ญ.ปิยกาญ โรหิตาคนี
แหล่งที่มา  Dogazine, http://pet.kapook.com/view19646.html
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต